คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๕๑๕/๒๕๖๗ (ประชุมใหญ่)
ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๕๖ (ที่แก้ไขใหม่) บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุกหรือปรับ
และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปีไม่ว่าจะลงโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ตามหรือลงโทษปรับ
ถ้าปรากฏว่าผู้นั้น...(๒)
เคยรับโทษจำคุกมาก่อนแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
หรือเป็นโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน...
ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษหรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ไม่ว่าจะเป็นโทษจำคุกหรือปรับอย่างหนึ่งอย่างใดหรือทั้งสองอย่าง
เพื่อให้โอกาสกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลจะได้กำหนดแต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา
โดยจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้...” จากบทบัญญัติดังกล่าวหมายความว่า แม้จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน
แต่ถ้าโทษตามคำพิพากษาในคดีก่อนเป็นการลงโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน
ก็ยังอยู่ในเงื่อนไขที่จะรอการลงโทษจำคุกจำเลยได้
ทั้งนี้การพิจารณาหลักเกณฑ์การรอการลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ วรรคหนึ่ง
(๒) ต้องพิจารณาโทษจำคุกในความผิดที่ได้กระทำในคดีนั้น ๆ
ว่าต้องคำพิพากษาให้จำคุกเกินหกเดือนหรือไม่
ซึ่งหมายถึงโทษจำคุกสุทธิก่อนบวกโทษที่รอการลงโทษในคดีอื่นเท่านั้น ดังนั้น
เมื่อคดีก่อนศาลลงโทษจำเลยที่ ๕ ให้จำคุกไม่เกิน ๖ เดือน
จึงอยู่ในเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่จะรอการลงโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖
วรรคหนึ่ง (๒)
·
จำเลยที่ ๕
ถูกฟ้องร่วมกับพวกในข้อหาร่วมกันบุกรุกและทำร้ายผู้อื่น จำเลยที่ ๕
เคยต้องคำพิพากษาจำคุก ๑๔ เดือนในคดียาเสพติดก่อนหน้านี้
ซึ่งในคดีก่อนนั้นมีส่วนของโทษที่รอการลงโทษไว้ จำเลยที่ ๕
ให้การรับสารภาพในคดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาจำคุกจำเลยที่ ๕
โดยไม่รอการลงโทษ จำเลยที่ ๕ ฎีกาว่า การพิจารณาการรอการลงโทษตามมาตรา ๕๖
วรรคหนึ่ง (๒) ที่ระบุว่า "โทษจำคุกไม่เกินหกเดือน"
ควรหมายถึงโทษจำคุกสุทธิก่อนบวกโทษที่รอไว้ในคดีอื่น
·
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
การพิจารณาโทษจำคุกไม่เกิน ๖ เดือน ตามมาตรา ๕๖ วรรคหนึ่ง (๒) หมายถึง โทษจำคุกสุทธิก่อนบวกโทษที่รอการลงโทษในคดีอื่นเท่านั้น
เมื่อคดีก่อนศาลลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๕ ไม่เกิน ๖ เดือน
จึงเข้าเงื่อนไขที่จะรอการลงโทษได้ นอกจากนี้ จำเลยที่ ๕
ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจแล้ว แสดงว่ารู้สำนึกผิด
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้โดยให้จำคุกจำเลยที่ ๕ เป็นเวลา ๖ เดือน และปรับ ๑๒,๕๐๐ บาท และให้รอการลงโทษจำคุก ๒ ปี
พร้อมคุมความประพฤติและบำเพ็ญประโยชน์ ส่วนคำขอเพิ่มโทษจำคุกให้ยกไป
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๕๖ ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุกหรือปรับ
และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปีไม่ว่าจะลงโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ตามหรือลงโทษปรับ
ถ้าปรากฏว่าผู้นั้น
(๑)
ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน หรือ
(๒)
เคยรับโทษจำคุกมาก่อนแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
หรือความผิดลหุโทษ หรือเป็นโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือ
(๓)
เคยรับโทษจำคุกมาก่อนแต่พ้นโทษจำคุกมาแล้วเกินกว่าห้าปี แล้วมากระทำความผิดอีก
โดยความผิดในครั้งหลังเป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
และเมื่อศาลได้คำนึงถึงอายุ
ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ
และสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิด หรือการรู้สึกความผิด
และพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น หรือเหตุอื่นอันควรปรานีแล้ว
ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษหรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้
ไม่ว่าจะเป็นโทษจำคุกหรือปรับอย่างหนึ่งอย่างใดหรือทั้งสองอย่าง
เพื่อให้โอกาสกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลจะได้กำหนดแต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา
โดยจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น