"เครดิตบูโร" หรือ "บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด" ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศไทย โดยมีสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกเป็นผู้ส่งข้อมูลให้

ข้อมูลที่จัดเก็บและระยะเวลาในการประมวลผล:

  • ข้อมูลทั่วไป: ข้อมูลเครดิตโดยทั่วไปที่บริษัทข้อมูลเครดิตได้รับจากสมาชิกหรือจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ จะมีอายุการประมวลผลไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับข้อมูลนั้น กรณีนี้ใช้กับประวัติการชำระหนี้ปกติ หรือการค้างชำระหนี้ที่ไม่เกิน 90 วัน
  • ข้อมูลหนี้ผิดนัดชำระเกิน 90 วัน: สมาชิก (สถาบันการเงิน) จะต้องส่งข้อมูลของลูกค้าที่มีการผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อต่อไปเป็นระยะเวลา 5 ปี โดยเริ่มนับในวันถัดจากวันที่ลูกค้าผิดนัดชำระหนี้ครบ 90 วัน
  • ระยะเวลาประมวลผลสูงสุดสำหรับหนี้ผิดนัดเกิน 90 วัน: บริษัทข้อมูลเครดิตจะประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการผิดนัดชำระหนี้เกิน 90 วัน ได้สูงสุด 8 ปี นับตั้งแต่วันที่ลูกค้าผิดนัดชำระหนี้ครบ 90 วัน หลังจากพ้นระยะเวลา 8 ปีนี้ ข้อมูลดังกล่าวจะถูกหยุดการประมวลผลและไม่ปรากฏในรายงานเครดิตบูโรเมื่อขอตรวจสอบ
  • เพื่อการจัดทำคะแนนเครดิตหรือรายงานเชิงสถิติ: บริษัทข้อมูลเครดิตอาจประมวลผลข้อมูลได้เกิน 3 ปี เพื่อวัตถุประสงค์นี้ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต และต้องมีการแปลงข้อมูลที่ระบุตัวตนเป็นรหัสที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้
  • กรณีถูกฟ้องคดี: การถูกฟ้องคดีไม่ได้ทำให้การนับอายุข้อมูล 5 ปีเริ่มต้นใหม่ แต่สถานะบัญชีจะเปลี่ยนเป็น "อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย" (รหัส 30/030) หากศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้ สมาชิกจะส่งข้อมูลต่อจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นหรือบังคับคดีได้ แต่ต้องไม่เกินกำหนดเวลา 5 ปี หากศาลพิพากษายกฟ้อง (เช่น ขาดอายุความหรือหนี้ไม่มีอยู่จริง) สมาชิกต้องหยุดส่งข้อมูลและปรับยอดหนี้เป็นศูนย์ หรือแก้ไขข้อมูลย้อนหลัง ภายใน 45 วัน
  • กรณีได้รับการปลดจากล้มละลาย: สมาชิกสามารถส่งข้อมูลลูกค้าต่อไปอีกไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับการปลดจากล้มละลาย แต่ต้องไม่เกินกำหนดเวลา 5 ปี

สาเหตุของการ "ติดเครดิต" (มีประวัติไม่ดีในเครดิตบูโร):

  • ค้างชำระหนี้: การไม่ชำระหนี้ตรงตามกำหนดเวลา โดยเฉพาะหากค้างชำระเกิน 90 วัน จะถูกจัดเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)
  • ผิดนัดชำระหนี้: การไม่ชำระเลยหรือไม่ครบถ้วนตามยอดขั้นต่ำที่กำหนด
  • มีภาระหนี้สูง: แม้จะชำระตรงเวลา แต่หากมีภาระหนี้ที่ต้องผ่อนต่อเดือนสูงมากเมื่อเทียบกับรายได้
  • การปรับโครงสร้างหนี้ (TDR): หากเคยมีการปรับโครงสร้างหนี้เนื่องจากปัญหาการชำระหนี้ (กรณีค้างชำระเกิน 90 วัน) จะถูกบันทึกในประวัติ16. อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกค้าชำระหนี้ตามสัญญา TDR ได้ตามเงื่อนไขอย่างน้อย 1 งวด สมาชิกสามารถรายงานสถานะเป็น "ปกติ" (รหัส 10/010) ได้ทันที
  • ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากหนี้สิน: ข้อมูลการฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อเรียกชำระหนี้จะปรากฏในรายงานข้อมูลเครดิต

การปรับสถานะเครดิตให้เป็นปกติ (การฟื้นฟูประวัติ):

  • ชำระหนี้ที่ค้างทั้งหมดและตรงเวลา: สิ่งสำคัญที่สุดคือการชำระหนี้ที่ค้างและรักษาวินัยการชำระหนี้ให้ตรงเวลาสม่ำเสมอในทุกงวด
  • ตรวจสอบรายงานเครดิตบูโร: ลูกค้ามีสิทธิในการขอตรวจรายงานข้อมูลเครดิตของตนเองเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล หากพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งแก้ไขได้ภายใน 30 วัน
  • สร้างวินัยทางการเงิน: วางแผนงบประมาณรายรับรายจ่ายอย่างรอบคอบ และหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น
  • อดทนรอเวลา: ประวัติการชำระหนี้ที่ดีอย่างสม่ำเสมอจะค่อย ๆ เข้ามาแทนที่ผลกระทบจากประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดีในอดีต
  • การขอสินเชื่อหลังมีประวัติเสีย: การพ้นระยะเวลา 8 ปีจะทำให้ประวัติการผิดนัดชำระหนี้เกิน 90 วันไม่ปรากฏในรายงานเครดิตบูโร ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินแต่ละแห่งมีนโยบายพิจารณาสินเชื่อของตนเอง ลูกค้าอาจพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ก่อน 8 ปี หากแสดงให้เห็นถึงการชำระหนี้ในปัจจุบันที่ดี และความสามารถในการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น

สิทธิของเจ้าของข้อมูล:

  • มีสิทธิที่จะรับรู้ ตรวจสอบ และขอแก้ไขข้อมูลของตนเองที่บริษัทข้อมูลเครดิตจัดเก็บ26.
  • มีสิทธิที่จะโต้แย้งข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
  • มีสิทธิที่จะได้รับแจ้งเหตุผลการปฏิเสธคำขอสินเชื่อหรือบริการจากสถาบันการเงิน ในกรณีที่สถาบันการเงินใช้ข้อมูลจากบริษัทข้อมูลเครดิตมาเป็นเหตุผลในการปฏิเสธ

การจัดเก็บข้อมูลโดยสมาชิก (สถาบันการเงิน):

สมาชิก (สถาบันการเงิน) มีหน้าที่ส่งข้อมูลเครดิตให้กับบริษัทข้อมูลเครดิตตามระยะเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตไม่ได้ระบุว่าสมาชิกจะต้องลบข้อมูลออกจากสารบบของตนเองทันทีที่พ้นระยะเวลาที่ต้องส่งข้อมูลให้เครดิตบูโร ข้อมูลที่สมาชิกจัดเก็บไว้เองจะอยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และกฎเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินนั้น ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ภายใน เช่น การทำธุรกรรม การตรวจสอบ หรือการบริหารความเสี่ยง

บริษัทข้อมูลเครดิตสามารถประมวลผลข้อมูลเครดิตที่เกี่ยวข้องกับการผิดนัดชำระหนี้เกิน 90 วันได้สูงสุด 8 ปี

นับตั้งแต่เมื่อใด:

  • นับตั้งแต่วันที่ลูกค้าผิดนัดชำระหนี้ครบ 90 วัน

หลังจากพ้นระยะเวลา 8 ปีนี้:

  • บริษัทข้อมูลเครดิตจะต้องหยุดการประมวลผลข้อมูลดังกล่าว
  • ข้อมูลส่วนนี้จะไม่ปรากฏในรายงานข้อมูลเครดิตบูโรอีกต่อไปเมื่อมีการขอตรวจสอบ