ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ถือเป็นบทบัญญัติสำคัญที่มุ่งคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินของผู้เป็นเจ้าของ โดยมีสาระสำคัญที่แตกต่างจากความผิดฐานลักทรัพย์อย่างชัดเจน การทำความเข้าใจองค์ประกอบและเงื่อนไขของความผิดฐานนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น
มาตรา ๓๕๒ ระบุว่า: "ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ" นอกจากนี้ หากทรัพย์ตกอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิดเพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิด หรือเป็นทรัพย์สินหายที่ผู้กระทำเก็บได้ ผู้กระทำจะต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง
องค์ประกอบและประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานยักยอกมีดังนี้:
๑. การครอบครองทรัพย์ ความผิดฐานยักยอกจะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้กระทำมี การครอบครองทรัพย์ นั้นอยู่แล้ว การครอบครองสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลัก:
- การครอบครองโดยตรง: เกิดขึ้นเมื่อเจ้าของทรัพย์หรือตัวแทนส่งมอบทรัพย์ให้แก่ผู้อื่นโดยตรง ซึ่งอาจเกิดจากสัญญาต่างๆ เช่น รับฝาก, จำนำ, จำนอง, เช่า หรือยืม ตัวอย่างเช่น กรณีอู่ซ่อมรถที่ได้รับรถมาซ่อม (ฎีกาที่ ๕๘๓๘/๒๕๔๘) หรือลูกจ้างที่มีหน้าที่ติดต่อและเก็บเงินจากลูกค้า (ฎีกาที่ ๑๕๕๒/๒๕๑๗)
- ข้อควรระวัง: หากไม่มีการส่งมอบให้ครอบครอง เพียงแต่ให้ช่วยดูแลทรัพย์หรือให้ถือทรัพย์ไว้ชั่วคราว แล้วนำทรัพย์ไปโดยทุจริต จะถือเป็นความผิดฐาน ลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอก
- การครอบครองโดยปริยาย: เกิดขึ้นเมื่อเจ้าของทรัพย์หรือตัวแทนมิได้ส่งมอบให้ยึดถือครอบครองโดยตรง
๒. กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ต้องยังไม่โอนไปยังจำเลย นี่คือจุดสำคัญที่ใช้แยกความผิดยักยอกออกจากความผิดอื่น ความผิดฐานยักยอกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ยังเป็นของผู้อื่นอยู่ หากกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ได้โอนไปยังผู้กระทำผิดแล้ว การนำทรัพย์นั้นไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวจะไม่ถือเป็นความผิดฐานยักยอก
- ตัวอย่างที่ไม่เข้าข่ายยักยอก:
- การยืมใช้สิ้นเปลือง: หากจำเลยนำน้ำมันดีเซลไปโดยสัญญาว่าจะคืน แต่ไม่คืนตามกำหนด กรณีนี้ถือเป็นการยืมใช้สิ้นเปลืองในทางแพ่ง ซึ่งกรรมสิทธิ์ในน้ำมันตกเป็นของจำเลยแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอก (ฎีกาที่ ๑๒๕๐/๒๕๓๐)
- เงินฝากธนาคาร: เงินฝากที่ฝากไว้กับธนาคารย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารนับแต่วันที่ฝาก ผู้ฝากมีสิทธิเพียงที่จะเบิกถอนเงินได้ และธนาคารมีหน้าที่คืนเงินให้ครบจำนวนเท่านั้น ดังนั้น หากมีการปลอมลายมือชื่อและธนาคารจ่ายเงินไป เงินนั้นย่อมเป็นของธนาคาร ไม่ใช่ของเจ้าของบัญชี ทำให้เจ้าของบัญชีไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานลักทรัพย์และไม่มีอำนาจเรียกเงินคืน (ฎีกาที่ ๑๕๔๔๗/๒๕๕๕)
๓. ทรัพย์นั้น "ซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย" ความผิดฐานยักยอกจะเกิดขึ้นเมื่อทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้กระทำผิดและบุคคลอื่นเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย แต่หากทรัพย์นั้นอยู่ในความครอบครองของผู้อื่น การกระทำโดยทุจริตจะเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์แทน
๔. การ "เบียดบัง" การ "เบียดบัง" หมายถึง การกระทำที่แสดงเจตนาที่จะตัดกรรมสิทธิ์หรือเปลี่ยนแปลงฐานะการครอบครองทรัพย์ไปจากเดิม โดยมุ่งเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สาม ตัวอย่างของการเบียดบังได้แก่:
- การจำหน่าย, ซ่อนเร้น (เช่น เจ้าของอู่ซ่อมรถถอดอะไหล่และเครื่องเสียงไปขาย ฎีกาที่ ๕๘๓๘/๒๕๔๘)
- การไม่ยอมคืนทรัพย์ตามที่ตกลงไว้ (ฎีกาที่ ๒๒๒๖๗/๒๕๕๕, ฎีกาที่ ๒๑๙๕/๒๕๕๗)
- การนำเงินไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว (ฎีกาที่ ๗๐๗๗/๒๕๔๗) (เช่น เจ้าหน้าที่การเงินลงบัญชีเป็นเท็จแล้วนำเงินไปใช้ส่วนตน ฎีกาที่ ๑๕๕๕/๒๕๔๔)
- การปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากทรัพย์ (ฎีกาที่ ๑๕๗๓/๒๕๓๕)
- การกระทำใด ๆ ที่แสดงว่าต้องการถือเอาประโยชน์จากทรัพย์นั้นเป็นของตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต (เช่น ตัดต้นสนของโจทก์ไปขายและรับเงินไว้เองโดยไม่แจ้งหรือไม่ได้รับความยินยอม ฎีกาที่ ๑๖๐๘๑-๑๖๐๘๓/๒๕๕๕)
๕. "ทรัพย์" โดยทั่วไปคำว่า "ทรัพย์" ในมาตรา ๓๕๒ หมายถึง ทรัพย์ที่มีรูปร่าง (ฎีกาที่ ๖๘๑๑/๒๕๕๙) การนำทรัพย์ไปจำนำก็ถือเป็นการเบียดบังเช่นกัน (ฎีกาที่ ๔๑๘๑/๒๕๔๒)
๖. "เจตนาทุจริต" เจตนาทุจริตเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ต้องมีในการกระทำความผิดฐานยักยอก เจตนาทุจริตจะต้องเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้กระทำได้ครอบครองทรัพย์นั้นแล้ว นี่คือข้อแตกต่างที่สำคัญจากความผิดฐานลักทรัพย์ ซึ่งผู้กระทำต้องมีเจตนาแย่งการครอบครองทรัพย์โดยทุจริตตั้งแต่ขณะที่เข้าแย่งการครอบครอง
- ตัวอย่าง: กรณีที่จำเลยยืมคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจากผู้เสียหาย ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาจะเอาไปตัดกรรมสิทธิ์ตั้งแต่แรก แต่ภายหลังหลบหนีออกจากโรงแรมโดยนำคอมพิวเตอร์ไปด้วย เพราะไม่ต้องการชำระค่าซ่อมรถที่ค้างชำระ ถือเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองเป็นของจำเลยโดยทุจริต ซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอก (ฎีกาที่ ๑๒๘๑๑/๒๕๕๘)
๗. ความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานยักยอก แม้การปลอมเอกสารและการใช้เอกสารปลอมจะเกิดขึ้นต่างวาระกันกับความผิดฐานยักยอก แต่หากจำเลยมีเจตนาที่จะใช้เอกสารปลอมดังกล่าวเป็นหลักฐานเพื่อยักยอกเงินของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจะถือเป็นกรรมเดียวกัน ดังนั้น หากศาลได้พิพากษาลงโทษในความผิดฐานยักยอกถึงที่สุดแล้ว สิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องในความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๔) (ฎีกาที่ ๕๐๓๖-๕๐๓๘/๒๕๓๒)
สรุปสาระสำคัญ ความผิดฐานยักยอกตามมาตรา ๓๕๒ ประมวลกฎหมายอาญา มุ่งคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินโดยพิจารณาจากฐานะการครอบครองและเจตนาทุจริตที่เกิดขึ้นภายหลังการครอบครอง โดยมีข้อสังเกตสำคัญคือ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ต้องยังเป็นของผู้อื่น และ เจตนาทุจริตต้องเกิดขึ้นภายหลังการได้มาซึ่งการครอบครอง ซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากความผิดฐานลักทรัพย์ ประเด็นเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญในการทำความเข้าใจและพิจารณาความผิดฐานยักยอก
0 Comments
แสดงความคิดเห็น