หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ ป.พ.พ. มาตรา 423 (การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย)

  1. คำจำกัดความของ "กล่าวหรือไขข่าว"

    • "กล่าว" หมายถึง ผู้เริ่มต้นพูดหรือแสดงข้อความให้บุคคลที่สามทราบด้วยตนเอง
    • "ไขข่าว" หมายถึง การรับฟังจากผู้อื่นแล้วนำไปเผยแพร่ต่อบุคคลที่สาม
    • วิธีการกระทำ สามารถทำได้ด้วยคำพูด ลายลักษณ์อักษร หรือกิริยาอาการ หรือด้วยวิธีอื่นใด
  2. เงื่อนไขสำคัญ: ต้องกระทำ "แพร่หลาย" และมี "บุคคลที่สาม"

    • แม้ ป.พ.พ. มาตรา 423 ไม่ได้บัญญัติโดยตรงว่าต้องเป็นการกล่าวหรือไขข่าวต่อบุคคลที่สาม แต่การกล่าวหรือไขข่าวที่จะถือว่า "แพร่หลาย" ได้ จำเป็นต้องมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย
    • การพูดคนเดียวโดยไม่มีใครได้ยิน ไม่ถือว่าเป็นการกล่าวให้แพร่หลาย
    • หากมีคนแอบฟังโดยที่คนพูดไม่รู้ การพูดดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นการจงใจกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย
    • การสนทนาในกลุ่มปิด เช่น โปรแกรมสนทนาแบบระบบปิดอย่าง Facebook Messenger ที่มีสมาชิกจำกัดและบุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าดูข้อความได้ ไม่ถือว่าเป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย
    • หากโจทก์ (ผู้เสียหาย) เป็นผู้แอบดูหรืออ่านข้อความสนทนาในกลุ่มปิด แล้วนำไปเผยแพร่ให้บุคคลอื่นทราบเอง การกระทำดังกล่าวไม่ทำให้การสนทนาระหว่างกลุ่มบุคคลเดิมกลายเป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย และจำเลยจะไม่ถือว่ากระทำละเมิดต่อโจทก์ตามมาตรา 423
  3. เงื่อนไขสำคัญที่สุด: ข้อความต้อง "ฝ่าฝืนต่อความจริง"

    • ข้อเท็จจริงที่จะทำให้การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายเป็นการกระทำละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 423 วรรคหนึ่ง และต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้นั้น ข้อความดังกล่าวจะต้องฝ่าฝืนต่อความจริง
    • ดังนั้น หากการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายนั้นเป็นความจริง จะไม่ถือว่าเป็นการกระทำละเมิด ตามมาตรา 423
    • ตัวอย่างที่ถือว่าฝ่าฝืนความจริงและเป็นละเมิด:
      • การกล่าวหาว่ารับเงินสินบน 150 ล้านบาท
      • การกล่าวหาว่าภรรยาจะขอหย่าเพราะโจทก์มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น ซึ่งทำให้ผู้อื่นคิดว่าโจทก์มีความประพฤติไม่ดี ผิดศีลธรรม
      • การกล่าวหาว่าไม่ซื่อสัตย์ ซึ่งกระทบต่อชื่อเสียง เกียรติคุณ และทางทำมาหาได้
      • การเผยแพร่ข้อมูลโฆษณาโรงพยาบาลที่ไม่ตรงกับความจริง เช่น จำนวนผู้ประกันตน จำนวนเตียง หรือประสบการณ์ เพื่อโอ้อวดเกินจริง
    • ตัวอย่างที่ไม่ถือว่าฝ่าฝืนความจริงและไม่เป็นละเมิด:
      • การแถลงข่าวของหน่วยงานราชการ (เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง) เกี่ยวกับรายชื่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่มีปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากข้อความที่แถลงนั้นเป็นความจริง และเป็นการกระทำตามปกติวิสัยเพื่อยุติความตื่นตระหนกต่อความมั่นคงทางการเงินของประเทศ
      • การที่จำเลยพูดความจริงทางโทรศัพท์กับภรรยาของโจทก์ ซึ่งภรรยามีทางได้เสียโดยชอบในเรื่องนั้น
  4. ต้องก่อให้เกิดความเสียหาย

    • ข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายนั้นต้องเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่น หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่น
  5. ไม่ใช่การติชมด้วยความสุจริต

    • การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายที่เข้าข่ายละเมิด จะต้องไม่ใช่ลักษณะของการแสดงความคิดเห็นหรือเสนอข้อเท็จจริงโดยสุจริต หรือติชมด้วยความเป็นธรรม
    • หากข้อความที่เผยแพร่ไม่ได้เป็นไปเพื่อปกป้องประโยชน์สังคมโดยส่วนรวม แต่เป็นการกล่าวหมิ่นประมาทเกินขอบเขต เช่น การกล่าวว่าโรงพยาบาลเป็นโรงฆ่าสัตว์ แพทย์เป็นโจร ถือเป็นการละเมิด

ความแตกต่างกับหลักกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 420 (ละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัว)

  1. ขอบเขตของความรับผิด

    • การกระทำบางอย่างที่แม้จะไม่ถือเป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามมาตรา 423 (เช่น การเผยแพร่ความจริง) แต่ก็ อาจเป็นการละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวตาม ป.พ.พ. มาตรา 420 ได้
    • มาตรา 420 ครอบคลุมการจงใจกระทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายแก่สิทธิ
  2. ประเภทของความเสียหายที่เรียกได้

    • ในกรณีที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวตามมาตรา 420 โจทก์จะเรียกได้เฉพาะ ค่าเสียหายจากการละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวเท่านั้น
    • จะไม่สามารถเรียกค่าเสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และค่าเสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ อันเป็นค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 423 ได้
  3. ตัวอย่างการละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัว (มาตรา 420)

    • การนำข่าวการมีเพศสัมพันธ์ของชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งถือเป็น เรื่องส่วนตัวโดยแท้ มาเผยแพร่ซ้ำ โดยระบุว่าชายในภาพคือโจทก์ (แม้จะเป็นนักการเมืองหรือบุคคลสาธารณะ) ถือเป็นการก้าวล่วงหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิในความเป็นส่วนตัวของโจทก์ และเป็นละเมิดตามมาตรา 420
    • การกระทำดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อสาธารณชน แต่กลับทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง
    • รัฐธรรมนูญ (พ.ศ. 2540 มาตรา 34, พ.ศ. 2550 มาตรา 28) รับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว แต่การพิจารณาความรับผิดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งกำหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบระหว่างบุคคลไว้เป็นการเฉพาะ

ข้อสังเกตเพิ่มเติม

  • คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา: ในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา คำพิพากษาคดีอาญาย่อมผูกพันคู่ความและศาลในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 หากข้อเท็จจริงในคดีอาญาฟังว่ามีการใส่ความหมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียง ก็ถือว่าเป็นการละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 423 วรรคหนึ่ง
  • การบรรยายฟ้องค่าเสียหาย: รายละเอียดการคิดคำนวณค่าเสียหายสามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ไม่จำเป็นต้องบรรยายมาในคำฟ้องทั้งหมด