คำพิพากษาฎีกาที่ ๙๘๖๖/๒๕๖๐(ประชุมใหญ่)
              แม้ในคดีอาญาพนักงานอัยการโจทก์บรรยายฟ้องว่า ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงเกินสมควรจนไม่สามารถหยุดหรือชะลอความเร็วของรถให้ช้าลงพอที่จะขับหลบหลีกไม่ให้ชนรถคันอื่นที่จอดขวางอยู่ข้างหน้าได้ทัน ผู้ตายหาได้ใช้ความระมัดระวังในการขับรถให้เพียงพอไม่ เป็นเหตุให้รถชนท้ายรถยนต์ที่จำเลยที่ ๑ จอดอยู่ก็ตาม แต่เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายไปก่อนไม่ถูกพนักงานอัยการโจทก์ฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา ข้อเท็จจริงยังไม่พอฟังว่า ผู้ตายมีส่วนประมาทด้วย ผู้ตายจึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒ (๔) โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบุพการีของผู้ตายย่อมเข้าจัดการแทนผู้เสียหายได้ตามมาตรา ๕ (๒) การที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ เป็นคดีอาญาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าพนักงานอัยการฟ้องคดีแทนโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบุพการีของผู้ตายด้วย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕๑ ในอันที่จะต้องใช้อายุความในทางอาญาที่ยาวกว่ามาใช้บังคับแก่คดี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรคสอง
               คดีอาญามีการฟ้องคดีและศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ จนคดีเสร็จเด็ดขาดแล้วก่อนที่โจทก์ทั้งสองได้มาฟ้องคดีนี้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕๑ วรรคสาม บัญญัติให้มีกำหนดอายุความในมาตรา ๑๙๓/๓ ๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งบัญญัติให้มีกำหนด ๑๐ ปี ทั้งนี้ ไม่ว่าสิทธิเรียกร้องเดิมจะมีกำหนดอายุความเท่าใด เมื่อเหตุเกิดวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๔ และโจทก์ทั้งสองนำคดีมาฟ้องวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๖ คดีโจทก์ทั้งสองสำหรับจำเลยที่ ๑ ไม่ขาดอายุความ
               การเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญา ซึ่งให้นับอายุความทางอาญาที่ยาวกว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรคสอง หมายความเฉพาะ การเรียกร้องจากตัวผู้กระทำผิดหรือผู้ร่วมกระทำผิดเป็นการเฉพาะ มิได้หมายถึงผู้อื่นที่ไม่ได้ร่วมในการกระทำความผิดด้วย การเรียกร้องค่าเสียหายเอาแก่จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นนายจ้าง จึงต้องใช้อายุความ ๑ ปี นับแต่รู้ตัวผู้จะพึ่งต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา ๔๔๘ วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์ทั้งสองทราบว่าจำเลยที่ ๒ เป็นนายจ้างของจำเลยที่ ๑ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ และนำคดีมาฟ้องวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๖ เกินกำหนด ๑ ปี คดีโจทก์ทั้งสองสำหรับจำเลยที่ ๒ ขาดอายุความ
                    แม้ฟ้องโจทก์ทั้งสองในส่วนของจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นนายจ้าง และผู้เอาประกันภัยขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรคสอง ก็ตาม แต่หาใช่เหตุทำให้หนีระงับไปไม่ ทั้งจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ขับรถไปในทางการที่จ้างย่อมถือเสมือนว่าเป็นผู้เอาประกันภัยเองตามเงื่อนไขและความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนยังต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญา ประกันวินาศภัยแก่โจทก์ทั้งสอง
               จำเลยที่ ๓ เป็นเพียงผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งมีความผูกพันที่จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้น ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ไม่ใช่ผู้ทำละเมิดหรือต้องร่วมรับผิดกับผู้ทำละเมิดอย่างลูกหนี้ร่วม เมื่อกรมธรรม์เพียงแต่กำหนดวงเงิน ความเสียหายที่จำเลยที่ ๓ จะต้องรับผิดโดยมิได้ระบุให้จำเลยที่ ๓ ร่วมรับผิดเช่นเดียวกับผู้ทำละเมิด จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ยนับแต่วันที่ทำละเมิด ประกอบกับหนี้หรือค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนมิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน และไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองได้ทวงถามให้จำเลยที่ ๓ ชำระหนี้ กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๓ ตกเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้มาก่อนที่โจทก์ทั้งสองจะนำคดีมาฟ้อง จำเลยที่ ๓ ต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๔๔๘ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึ่งต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด
               แต่ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา และมีกำหนดอายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าวมานั้นไซร้ ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ
              
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
               มาตรา ๕๑ ถ้าไม่มีผู้ใดฟ้องทางอาญา สิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องทางแพ่งเนื่องจากความผิดนั้นย่อมระงับไปตามกำหนดเวลาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาเรื่องอายุความฟ้องคดีอาญา แม้ถึงว่าผู้เยาว์หรือผู้วิกลจริตในมาตรา ๑๙๓/๒๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะเป็นผู้ฟ้องหรือได้ฟ้องต่างหากจากคดีอาญาก็ตาม
               ถ้าคดีอาญาใดได้ฟ้องต่อศาลและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลด้วยแล้ว แต่คดียังไม่เด็ดขาด อายุความซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิจะฟ้องคดีแพ่งย่อมสะดุดหยุดลงตามมาตรา ๙๕ แห่งประมวลกฎหมายอาญา
               ถ้าโจทก์ได้ฟ้องคดีอาญาและศาลพิพากษาลงโทษจำเลยจนคดีเด็ดขาดแล้วก่อนที่ได้ฟ้องคดีแพ่ง สิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีแพ่งย่อมมีตามกำหนดอายุความในมาตรา ๑๙๓/๓๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               ถ้าโจทก์ฟ้องคดีอาญาและศาลพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยจนคดีเด็ดขาดแล้วก่อนที่ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่ง สิทธิของผู้เสียหายจะฟ้องคดีแพ่งย่อมมีอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์