เจตนารมณ์ของการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดฐานเสพยาเสพติดในชั้นที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง เพื่อเยียวยาแก้ไขเสียก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล และเป็นบทบังคับให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลเข้าหลักเกณฑ์ ตามมาตราดังกล่าวไปศาลภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่การที่พนักงานสอบสวนมิได้นำตัวจำเลยทั้งสามไปศาลภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ตามหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยทั้งสามไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดเพื่อให้จำเลยทั้งสามได้รับประโยชน์ ในการที่จะได้รับการพิจารณาเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด อันจะมีผลให้พ้นจากความผิดที่ถูกกล่าวหาตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าว การที่พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนโดยมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์ในมาตรา ๑๙ จึงเป็นการสอบสวนโดยไม่ชอบ เท่ากับว่าไม่มีการสอบสวนคดีนี้มาก่อน และเมื่อพนักงานสอบสวนได้กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน มีเมทแอมเฟตามีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน หากจำเลยทั้งสามได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจนครบถ้วนตามที่กำหนดในแผนและผลการฟื้นฟูเป็นที่พอใจแก่คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ก็จะพ้นจากความผิดทุกข้อที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา ๑๔ ในทางกลับกัน การที่พนักงานสอบสวนไม่ปฏิบัติตามตัวบทกฎหมายย่อมส่งผลให้ พนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องทุกข้อกล่าวหาตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๒๐ ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๖ หาใช่เป็นดุลพินิจของโจทก์ ที่จะพิจารณาสั่งฟ้องเป็นรายข้อหาไปได้ไม่

               ตามฎีกานี้ โจทก์ฎีกาอ้างว่า ในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวน จำเลยทั้งสามต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน และร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ซึ่งเป็นกรณีที่จะต้องเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.๒๕๔๕ แต่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยทั้งสามไปควบคุมเพื่อตรวจพิสูจน์การเสพหรือ การติดยาเสพติดเกินกว่าระยะเวลา ๒๔ ชั่วโมง นับแต่จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้ต้องหามีอายุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์มาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน ตามมาตรา ๑๙ วรรคสอง เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง กรณีดังกล่าวมิได้ทำให้ความผิดทางอาญาระงับไป พนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนมาให้โจทก์พิจารณา โจทก์มีอำนาจพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องความผิดฐานใดก็ได้ โจทก์มีคำสั่งไม่ฟ้องในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน แต่โจทก์เห็นว่าคดีมีมูล และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องจำเลยทั้งสามในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย การยื่นฟ้องคดีนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
               มาตรา ๑๒๐ ห้ามมิให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีใดต่อศาล โดยมิได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นก่อน

พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.๒๕๔๕
               มาตรา ๑๙ ผู้ใดต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด เสพและมีไว้ในครอบครอง เสพและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย หรือเสพและจำหน่ายยาเสพติดตามลักษณะ ชนิด ประเภท และปริมาณที่กำหนดในกฎกระทรวง ถ้าไม่ปรากฏว่าต้องหาหรืออยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในความผิดฐานอื่นซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกหรืออยู่ในระหว่างรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาล ให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาไปศาลภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหานั้นมาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ส่งตัวผู้นั้นไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัยหรือมีเหตุจำเป็นอย่างอื่นที่ เกิดจากตัวผู้ต้องหานั้นเอง หรือจากพฤติการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปซึ่งทำให้ไม่อาจนำตัวผู้ต้องหาไปศาลภายในกำหนดเวลาดังกล่าวได้
               ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ถ้าผู้ต้องหามีอายุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ ให้พนักงานสอบสวนนำตัวส่งศาลเพื่อมีคำสั่งให้ตรวจพิสูจน์ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหานั้นมาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน