คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๒๙๕/๒๕๖๑ 
              แม้ตามสัญญาเช่าซื้อให้สิทธิผู้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้ โดยผู้เช่าซื้อจะต้องคืนและส่งมอบรถยนต์ในสภาพที่ซ่อมแซมเรียบร้อยและใช้การได้ดีในสภาพเช่นเดียวกับวันที่รับมอบรถยนต์ไปจากเจ้าของ พร้อมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ทั้งหมดให้แก่เจ้าของ ณ สำนักงานของเจ้าของ แต่สัญญาข้อเดียวกันยังระบุเงื่อนไขต่อไปอีกว่าและต้องชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญาอยู่ในเวลานั้นทันทีแสดงว่ากรณีจะถือว่าเป็นการเลิกสัญญาตามสัญญาเช่าซื้อก็ต่อเมื่อจำเลยที่ ๑ จะต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ พร้อมกับชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญาอยู่ในเวลาที่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ ๑ ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์พร้อมกับชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญาแก่โจทก์ทันที จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อตามข้อสัญญา อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเป็นค่าขาดราคาตามข้อสัญญา ทั้งพฤติการณ์ที่จำเลยที่ ๑ ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๕ โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้โต้แย้งคัดค้าน ย่อมถือว่าโจทก์และจำเลยที่ ๑ ต่างสมัครใจเลิกสัญญากันโดยปริยาย มิได้เลิกกันเพราะจำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาซึ่งเป็นค่าเสียหายที่โจทก์อาจเรียกร้องได้ในกรณีที่มีการผิดสัญญาและบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้ว

               ตามฎีกานี้ จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ๔ นัดติดต่อกัน ต่อมาได้ส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ และโจทก์นำรถที่เช่าซื้อออกขายทอดตลาด

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๓๘๖ ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเลิกสัญญาโดยข้อสัญญาหรือโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การเลิกสัญญาเช่นนั้นย่อมทำด้วยแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง
               แสดงเจตนาดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น ท่านว่าหาอาจจะถอนได้ไม่

อ่านเพิ่มเติม ฎีกาที่ ๒๗๓๕/๒๕๖๑ http://www.dekasuksa.com/2019/01/blog-post_31.html