โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดเพื่อขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สิน เมื่อจำเลยทั้งเจ็ดยังไม่ได้ยื่นคำให้การโต้แย้งกรรมสิทธิ์ ในเบื้องต้นจึงต้องถือว่าคำฟ้องของโจทก์เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาล ๒๐๐ บาท มาชำระต่อศาล จึงเป็นการถูกต้องตามตาราง ๑ ค่าธรรมเนียมศาล (ค่าขึ้นศาล) (๒) (ก)

เพิ่มเติม
               โจทก์ฟ้องแบ่งกรรมสิทธิ์รวมเนื้อที่ ๓ ไร่เศษ จากเนื้อที่ ๗ ไร่ ๑ งาน จำเลยให้การว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์เพียง ๑ งาน ๒๖ ตารางวา คดีโต้แย้งกันในจำนวนที่ดินส่วนที่ต่างกัน เป็นการที่จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ เป็นคดีมีทุนทรัพย์(ฎีกาที่ ๙๘๙/๒๕๓๗)
               โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของรัฐและเรียกค่าเสียหายเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ส่วนหนึ่งและมีทุนทรัพย์อีกส่วนหนึ่งปนกันมา จำเลยให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหาย ๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยมิได้มีคำขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยมาด้วย จึงไม่อาจนำราคาที่ดินพิพาทมารวมเป็นทุนทรัพย์ตามฟ้องแย้งของจำเลยได้ ฟ้องแย้งของจำเลยที่เพียงแต่ขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหาย ๓๐๐,๐๐๐ บาทเป็นคดีมโนสาเร่ ที่จำเลยเสียค่าธรรมเนียมในศาลชั้นต้น ๑,๐๐๐ บาท จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘๙(๑), ๑๙๐ จัตวา และ ๑๙๒ วรรคท้ายแล้ว(ฎีกาที่ ๘๙๓๐/๒๕๖๐)