โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ ๑ ร่วมรับผิดในฐานะเป็นนายจ้างของ ป. ในผลแห่งละเมิดซึ่ง ป. ได้กระทำไปในทางการที่จ้าง และให้จำเลยที่ ๓ ร่วมรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุน ความรับผิดชดใช้ค่าเสียหายของจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ย่อมแตกต่างกัน จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายมูลละเมิดซึ่งมีอายุความ ๑ ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม ป.พ.พ.มาตรา ๔๔๘ วรรคหนึ่ง จำเลยที่ ๓ ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญาประกันวินาศภัย ซึ่งมีอายุความ ๒ ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามมาตรา ๘๘๒ วรรคหนึ่ง อายุความฟ้องจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ สามารถแยกออกจากกันได้
               จำเลยที่ ๓ ไม่ได้ยกอายุความใด ๆ ขึ้นต่อสู้ จึงไม่มีประเด็นให้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๓ ขาดอายุความหรือไม่ ส่วนฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ขาดอายุความไปแล้วก็เป็นคุณเฉพาะจำเลยที่ ๑ ไม่มีผลถึงจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๒๙๑ และ ๒๙๕
               การฟ้องของโจทก์ในมูลละเมิดสำหรับจำเลยที่ ๑ ขาดอายุความมิใช่เหตุทำให้หนี้ละเมิดระงับไป จำเลยที่ ๑ ยังคงต้องมีความรับผิดชอบในมูลละเมิด เพียงแต่จำเลยที่ ๑ มีสิทธิที่จะปฏิเสธการชำระหนี้ในมูลละเมิดนั้นได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๙๓/๑๐ ไม่ใช่ไม่ต้องรับผิดชอบ เมื่อจำเลยที่ ๑ ยังคงต้องความรับผิดชอบต่อโจทก์ผู้ต้องเสียหายอยู่ จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงต้องรับผิดต่อโจทก์โดยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามมาตรา ๘๘๗
              
เพิ่มเติม
               การนับกำหนดอายุความเหตุละเมิด
               ฎีกาที่ ๒๐๘๕/๒๕๔๐ เมื่อเหตุละเมิดเกิดเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๑ จึงไม่นับวันดังกล่าวซึ่งเป็นวันแรกแห่งระยะเวลารวมเข้าด้วย ต้องนับวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๑ เป็นวันเริ่มต้น และครบหนึ่งปีในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่โจทก์ฟ้องคดีได้

ข้อเท็จจริง
               ป. เป็นลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒
               จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นผู้เอาประกันภัย
               จำเลยที่ ๓ เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถบรรทุกลากจูงของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒
               วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ป.ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ขับรถบรรทุกลากจูงเฉี่ยวชนกับรถบรรทุกคันอื่นแล้วพุ่งชนรั้วกำแพงและอาคารร้านค้าฝั่งบ้านพักพนักงานอันเป็นทรัพย์สินของโจทก์ได้รับความเสียหาย
               วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๘ โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหาย เป็นคดีนี้
               ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ ๓ ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๔๔๘ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึ่งต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด
               แต่ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา และมีกำหนดอายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าวมานั้นไซร้ ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ
               มาตรา ๘๘๒ ในการเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดเวลาสองปีนับแต่วันวินาศภัย
               ในการเรียกให้ใช้หรือให้คืนเบี้ยประกันภัย ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาสองปีนับแต่วันซึ่งสิทธิจะเรียกให้ใช้หรือคืนเบี้ยประกันภัยถึงกำหนด