จำเลยทั้งสามร่วมกันประกอบกิจการในชื่อร้านค้าสวัสดิการ ย. และร่วมกันบรรยายให้ข้อมูลแก่ผู้เสียหายทั้งแปดสิบห้าชักชวนให้สมัครเป็นสมาชิกร้านค้าสวัสดิการ ย. โดยมีเงื่อนไขว่าจะเรียกเก็บเงินค่าสมัครจากผู้มาสมัครเป็นสมาชิกตามรูปแบบสมาชิก จำเลยทั้งสามจึงมีเจตนาทุจริตมาตั้งแต่ต้น โดยรู้อยู่แล้วว่าร้านค้าสวัสดิการ ย. ไม่สามารถประกอบกิจการ มีผลประโยชน์หรือมีกำไรสูงจนสามารถจ่ายเงินปันผลและค่าตอบแทนให้แก่สมาชิกในอัตราสูงตามที่ได้มีการบรรยายชักชวนให้มาร่วมลงทุนสมัครเป็นสมาชิก อีกทั้งลักษณะการชักชวนเป็นการชักชวนทั่วไป มิได้มุ่งเจาะจงชักชวนคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษโดยเฉพาะ การหลอกลวงดังกล่าว จึงมีลักษณะเป็นการหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อ แม้จะมิได้มีการป่าวประกาศหรือแจ้งให้ผู้ถูกหลอกลวงแต่ละคนไปชักชวนบุคคลอื่นต่อ แต่ลักษณะการชักชวนของจำเลยทั้งสามมีข้อเท็จจริงเป็นอย่างเดียวกัน โดยผู้ถูกชักชวนย่อมบอกต่อกันไปได้ แม้มีผู้เสียหายบางคนได้ผลประโยชน์ ตอบแทนเป็นเงินปันผลหุ้น แต่ก็ได้รับน้อยกว่าที่ได้ชักชวน และได้รับเพียงครั้งเดียวเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นการร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงค่าสมัครสมาชิกจากผู้เสียหายทั้งแปดสิบห้าผู้ถูกหลอกลวง เป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตาม ป.อ. มาตรา ๓๔๓ วรรคแรก
               จำเลยทั้งสามเรียกเก็บเงินจากผู้สมัครเป็นสมาชิก โดยมีเงื่อนไขในการให้ผลประโยชน์ตอบแทนเฉพาะแก่ผู้เป็นสมาชิก เป็นการประกอบกิจการโดยวิธีชักจูงให้ผู้อื่นส่งเงินให้แก่ตน และให้ผู้นั้นชักจูงผู้อื่น ตามวิธีการที่กำหนดและแสดงให้ผู้ถูกชักจูงเข้าใจว่าถ้าได้ปฏิบัติตามจน มีบุคคลอื่นอีกหลายคนเข้าร่วมต่อๆ ไปจนครบวงจรแล้ว ผู้ถูกชักจงจะได้รับกำไรมากกว่าเงินที่ผู้นั้นได้ส่งไว้แก่จำเลยทั้งสาม ซึ่งเมื่อคำนวณผลประโยชน์ตามรูปแบบสมาชิกแล้ว หากผู้เป็นสมาชิกปฏิบัติตามเงื่อนไข สามารถชักจูงบุคคลอื่นมาเข้าร่วมได้ต่อๆ ไป สมาชิกรายต้นๆ จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้หลายเท่าจากการบรรยายประชาสัมพันธ์ของจำเลยทั้งสาม นอกจากนี้สมาชิกจะได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น ได้สิทธิกู้ยืมเงิน ได้ปันผลหุ้น ได้รับเงินปันผลจากการขายสินค้าได้รับสวัสดิการสงเคราะห์ ได้บำนาญเลี้ยงชีพ มีผลประโยชน์เกินกว่าที่สถาบันการเงินให้ผลประโยชน์ หากการดำเนินการมิได้เป็นไปตามคำชักจูงก็จะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายทั้งแปดสิบห้า และประชาชนผู้หลงเชื่อมาสมัครรายหลัง และปรากฏว่าผู้เสียหายบางคนได้ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินปันผลหุ้นบ้าง แต่ก็ได้รับเพียงครั้งเดียว เท่านั้น พฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสามเรียกเก็บเงินค่าสมัครจากผู้สมัครเป็นสมาชิก และผลประโยชน์ตอบแทนที่จำเลยทั้งสามจะจ่ายให้แก่สมาชิก ในเงื่อนไขตามรูปแบบสมาชิกดังกล่าว ต้องตามความหมายของบทนิยาม คำว่า กู้ยืมเงินและผลประโยชน์ตอบแทนตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๗ พ.ศ.๒๕๓๔ มาตรา ๓
               ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๗ มาตรา ๔ ผู้กระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนจะต้องกู้ยืมเงินโดยตนหรือบุคคลใดกระทำด้วยประการใดๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่ ๑๐ คน ขึ้นไปว่าในการกู้ยืมเงินซึ่งจำเลยทั้งสาม กระทำการในคดีนี้คือ ชักชวนบุคคลตั้งแต่ ๑๐ คน ขึ้นไปว่า ตนหรือบุคคลใดจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ โดยที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้ การโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือการกระทำด้วยประการใดๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่ ๑๐ คน ขึ้นไป อันจะทำให้เป็นความผิดสำเร็จฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้น เพียงแต่จำเลยทั้งสามแสดงข้อความดังกล่าวให้ปรากฏแก่ผู้เสียหายบางคนแล้ว เป็นผลให้ประชาชนหลงเชื่อและนำเงินมาให้จำเลยทั้งสามกู้ยืม ก็ถือว่า เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ดังนั้น เมื่อมีผู้เสียหายทั้งแปดสิบห้าหลงเชื่อเข้าสมัครเป็นสมาชิกร้านค้าสวัสดิการ ย. ตามที่จำเลยทั้งสามร่วมกันชักชวนมีจำนวนตั้งแต่ ๑๐ คน ขึ้นไป การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.๒๕๒๗ มาตรา ๔ วรรคแรก ด้วย
               ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตาม ป.อ.มาตรา ๓๔๓ มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว แม้ผู้เสียหายบางคนมีการยอมความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานนี้ก็ยังไม่ระงับไป ตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๓๙ (๒) อีกทั้งความผิดตามฟ้องเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจของประเทศ อันถือได้ว่าเป็นความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศชาติโดยตรง เป็นความผิดร้ายแรง ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษจำเลยทั้งสามโดยไม่รอการลงโทษให้นั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว

               ตามฎีกานี้ จำเลยทั้งสามระดมทุนเปิดร้านขายสินค้าปลีกทั่วไป คล้ายรูปแบบสหกรณ์ จำเลยทั้งสามร่วมกันบรรยายให้ข้อมูล มีการจัดบรรยายหลายรอบ มีประชาชนเข้าร่วมฟังรอบละประมาณ ๑๐ คน แต่ละรอบบรรยายเหมือนเดิม  

พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.๒๕๒๗
               มาตรา ๓ ในพระราชกำหนดนี้
               กู้ยืมเงินหมายความว่า รับเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าในลักษณะของการรับฝาก การกู้ การยืม การจำหน่ายบัตรหรือสิ่งอื่นใด การรับเข้าเป็นสมาชิก การรับเข้าร่วมลงทุน การรับเข้าร่วมกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือในลักษณะอื่นใด โดยผู้กู้ยืมเงินหรือบุคคลอื่นจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน หรือตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการรับเพื่อตนเองหรือรับในฐานะตัวแทนหรือลูกจ้างของผู้กู้ยืมเงินหรือของผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือในฐานะอื่นใด และไม่ว่าการรับหรือจ่ายเงิน ทรัพย์สิน ผลประโยชน์อื่นใด หรือผลประโยชน์ตอบแทนนั้น จะกระทำด้วยวิธีการใด ๆ
               ผลประโยชน์ตอบแทนหมายความว่า เงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ผู้กู้ยืมเงิน หรือบุคคลอื่นจ่ายหรือจะจ่ายให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงินเพื่อการกู้ยืมเงิน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะจ่ายในลักษณะดอกเบี้ย เงินปันผล หรือลักษณะอื่นใด
               มาตรา ๔ ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ในการกู้ยืมเงินตนหรือบุคคลใดจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงินในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้ และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
               ผู้ใดไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ดำเนินการ หรือให้พนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลใดดำเนินการโฆษณา ประกาศหรือชักชวนประชาชนให้ลงทุนโดย
               (๑) ซื้อหรือขายเงินตราสกุลใดสกุลหนึ่งหรือหลายสกุล หรือ
               (๒) เก็งกำไรหรืออาจจะได้รับผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วย