บิดาที่มีสิทธิรับมรดกของบุตร
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๖๒๙
ทายาทโดยธรรมมีหกลำดับเท่านั้น และภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๑๖๓๐ วรรค ๒
แต่ละลำดับมีสิทธิได้รับมรดกก่อนหลังดังต่อไปนี้ คือ
(๒)
บิดามารดา
หมายเหตุ
- บิดาที่มีสิทธิได้รับมรดกของบุตร;
หมายถึงบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น(ฎีกาที่ ๑๔๒๓๐/๒๕๕๗),
โจทก์ทั้งสองแต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยากันตั้งแต่ปี ๒๔๗๖
ก่อนประกาศใช้บทบัญญัติบรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.๒๔๗๗
แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันก็เป็นสามีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ทั้งสองจึงเป็นบิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีอำนาจฟ้อง แม้มิได้บรรยายในคำฟ้องว่าเป็นบิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ทั้งสองก็สามารถนำสืบถึงสถานภาพการสมรสของโจทก์ทั้งสองได้เพราะเป็นเรื่องรายละเอียดที่จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา
จึงไม่เป็นการนำสืบพยานหลักฐานนอกคำฟ้อง(ฎีกาที่ ๖๓/๒๕๓๘),
- บิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย
หมายถึงบิดาที่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของบุตร; ป.พ.พ. มาตรา ๔๔๓ วรรคสาม
กำหนดให้ผู้กระทำละเมิดในกรณีทำให้เขาถึงตายรับผิดต่อบุคคลที่ต้องขาดไร้อุปการะเฉพาะที่ผู้ตายมีหน้าที่อุปการะตามกฎหมายเท่านั้น
แต่ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๖๓ และมาตรา ๑๕๖๔
บัญญัติให้บุตรและบิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูกันนั้น
หมายถึงบุตรและบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ไม่มีบทบัญญัติกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้บิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมายแต่ประการใด
ดังนั้น
แม้บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วจะเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของบิดาได้
แต่ก็ไม่มีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบิดา
บุตรนอกกฎหมายจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะจากผู้กระทำละเมิดให้บิดาตนถึงแก่ความตายได้
(ฎีกาที่ ๑๔๐๙/๒๕๔๘), ป.พ.พ. มาตรา ๔๔๓ วรรคสาม
กําหนดให้ผู้กระทำละเมิดในกรณีทำให้เขาถึงตายรับผิดต่อบุคคลที่ต้องขาดไร้อุปการะเฉพาะที่ผู้ตายมีหน้าที่อุปการะตามกฎหมายเท่านั้น
แต่โจทก์ร่วมเป็นบุตรของผู้ตายกับ ป. ซึ่ง ป. ให้การชั้นสอบสวนว่า ผู้ตายกับ
ป. ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แม้ผู้ตายแจ้งการเกิดของโจทก์ร่วมว่า
โจทก์ร่วมเป็นบุตรของผู้ตาย และตามพฤติการณ์เห็นได้ว่า
ผู้ตายยินยอมให้โจทก์ร่วมใช้ชื่อสกุลอันถือว่าโจทก์ร่วมเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วตาม
มาตรา ๑๒๖๗ ก็ตาม แต่มาตรา ๑๕๖๓ และมาตรา ๑๕๖๔
ที่บัญญัติให้บุตรและบิดาจําต้องอุปการะเลี้ยงดูกันนั้นหมายถึงบุตรและบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
ไม่มีบทบัญญัติกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้บิดาจําต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมาย
แม้โจทก์ร่วมซึ่งเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วจะเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของบิดาได้
แต่ก็ไม่มีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบิดา
โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากจําเลย(ฎีกาที่ ๙๒๑๐/๒๕๕๖),
ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๖๒
ที่ห้ามฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาเป็นบทบัญญัติที่จำกัดสิทธิ
ต้องตีความโดยเคร่งครัด
ซึ่งหมายความว่าห้ามเฉพาะบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายฟ้องบุพการีของตนเท่านั้น โจทก์เป็นบุตรที่จำเลยรับรองแล้วแต่จำเลยและมารดาโจทก์มิได้จดทะเบียนสมรสกัน
โจทก์จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลยต่อเมื่อจำเลยและมารดาโจทก์สมรสกันภายหลังหรือจำเลยได้จดทะเบียนว่าโจทก์เป็นบุตรหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตรตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๔๗ เมื่อไม่มีการดำเนินการดังกล่าว
โจทก์จึงมิใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลย(ฎีกาที่
๓๐๑๙/๒๕๔๑),
- บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่มีสิทธิรับมรดกของบุตร;
ผู้ตายเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา
๑๖๒๗
แต่ผลของบทกฎหมายดังกล่าวเพียงแต่ให้ถือว่าบุตรนั้นเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิได้รับมรดกของบิดาเท่านั้น
หาได้มีผลทำให้บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกลับเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิได้รับมรดกของบุตรในฐานะทายาทโดยธรรมตามมาตรา
๑๖๒๙ ด้วยไม่
ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบิดาผู้ตายจึงมิใช่ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกของผู้ตาย
ไม่มีสิทธิคัดค้านหรือร้องขอต่อศาลให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้
และปัญหาดังกล่าวมีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับแก่คดีได้อยู่แล้ว
กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา ๔ ที่จะต้องวินิจฉัยคดีตามจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น
หรืออาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง
หรือวินิจฉัยตามหลักกฎหมายทั่วไป(ฎีกาที่ ๑๘๕๔/๒๕๕๑), ผู้คัดค้านที่
๑ มิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้คัดค้านที่ ๒ ซึ่งเป็นมารดาของผู้ตาย
และไม่ได้อยู่กินฉันสามีภริยากันก่อนมีการบังคับใช้ ป.พ.พ. บรรพ ๕
ซึ่งใช้บังคับโดย พ.ร.บ.ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ ๕
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พุทธศักราช ๒๔๗๗ ผู้คัดค้านที่ ๑ จึงเป็นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย
แม้ผู้ตายเป็นบุตรนอกกฎหมายที่ผู้คัดค้านที่ ๑ ได้รับรองแล้ว ตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๑๖๒๗ ก็ตาม
แต่ผลของบทกฎหมายดังกล่าวเพียงแต่ให้ถือว่าผู้ตายซึ่งเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิได้รับมรดกของบิดาเท่านั้น
หาได้มีผลทำให้บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกลับเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิได้รับมรดกของบุตรในฐานะทายาทโดยธรรมตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๒๙ ด้วยไม่ เมื่อผู้คัดค้านที่ ๑
ไม่ใช่ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกของผู้ตาย
จึงไม่มีสิทธิคัดค้านหรือร้องขอต่อศาลให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
และไม่อาจฎีกาโต้แย้งว่าพินัยกรรมเป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่มีผลบังคับได้(ฎีกาที่
๑๕๒๕/๒๕๕๐),
- บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจะฟ้องศาลขอให้พิพากษาว่าเป็นเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่
ฉะนั้น การขอจดทะเบียนรับรองบุตรไม่ถือว่าเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย;
บุตรที่เกิดนอกสมรสจะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดาในภายหลังได้
๓ ประการ คือ เมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลัง
หรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเด็กเป็นบุตร หรือศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตร ตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๔๗ เมื่อปรากฏตามคำร้องขอของผู้ร้องว่า
ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบิดาตามกฎหมายของ พ.
และมีสิทธิได้รับมรดกของ พ. มิใช่เป็นกรณีที่ขอให้ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตร ทั้งการที่จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๔๗ และมาตรา ๑๕๕๕ นั้น
เป็นสิทธิของฝ่ายเด็กที่จะฟ้องให้ศาลมีคำพิพากษาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ กล่าวคือ
ในกรณีที่เด็กยังมีอายุไม่ครบสิบห้าปีบริบูรณ์
ให้ผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้ฟ้องคดีแทน
หรือในกรณีที่เด็กไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม
หรือมีแต่ผู้แทนโดยชอบธรรมไม่สามารถทำหน้าที่ได้ให้ญาติสนิทของเด็กหรืออัยการร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดีเพื่อทำหน้าที่ฟ้องคดีแทนเด็ก
มิใช่กรณีที่ให้สิทธิแก่บุคคลที่อ้างว่าเป็นบิดาของเด็กมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตร
ทั้งผู้ร้องมิได้ร้องขอให้ศาลพิพากษาให้ผู้ร้องจดทะเบียนว่าเด็กเป็นบุตรเพื่อนำคำพิพากษาไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๔๘ แต่กลับขอให้ศาลพิพากษาว่าผู้ร้องเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของ
พ.
ซึ่งไม่อาจกระทำได้เพราะคำพิพากษาของศาลในกรณีเช่นนี้ไม่มีผลทำให้ผู้ร้องมีสถานะเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของ
พ. กรณีของผู้ร้องจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติ มาตรา ๑๕๔๗ จึงไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายรับรองและคุ้มครองสิทธิแก่ผู้ร้องในอันที่จะนำเสนอคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของ
พ. ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๕๕(ฎีกาที่ ๕๖๖๐/๒๕๕๙ (ประชุมใหญ่)),
· การจดทะเบียนรับรองบุตรมีผลทำให้บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรหรือผู้แทนโดยชอบธรรมเท่านั้น; ผู้เสียหายเป็นบุตรของโจทก์ร่วมกับ
ส. โจทก์ร่วมเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์ร่วมกับ ส.
ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ผู้เสียหายเกิดแต่โจทก์ร่วมกับ ส.
ผู้เสียหายจึงใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ร่วม
ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้จดทะเบียนว่าผู้เสียหายเป็นบุตร โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เสียหาย
และมิใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหายที่จะมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๕ (๑) จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ
และเป็นโจทก์ที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓
ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์จึงชอบแล้ว(ฎีกาที่ ๖๓๐๓/๒๕๔๕)
0 Comments
แสดงความคิดเห็น