เพิกถอนอำนาจปกครอง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๕๘๒ ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถโดยคำสั่งของศาลก็ดี
ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบก็ดี ประพฤติชั่วร้ายก็ดี
ในกรณีเหล่านี้ศาลจะสั่งเอง
หรือจะสั่งเมื่อญาติของผู้เยาว์หรืออัยการร้องขอให้ถอนอำนาจปกครองเสียบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้
ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองล้มละลายก็ดี
หรือจัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ในทางที่ผิดจนอาจเป็นภัยก็ดี
ศาลจะสั่งตามวิธีในวรรคหนึ่งให้ถอนอำนาจจัดการทรัพย์สินเสียก็ได้
หมายเหตุ
· ถ้าผู้เยาว์ยังมีบิดาหรือมารดาซึ่งยังไม่ถูกถอดถอนอำนาจปกครอง
ก็ไม่อาจตั้งผู้ปกครองได้; ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๘๕ วรรคหนึ่ง
ให้ตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ได้เฉพาะกรณีผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง
การที่มารดาตาย ส่วนบิดายังมีชีวิตอยู่และมิได้ถูกถอนอำนาจปกครอง
แม้บิดามารดาจะจดทะเบียนหย่าโดยตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แต่ฝ่ายเดียว
ก็เป็นเรื่องการตกลงตามมาตรา ๑๕๒๐ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๑๕๖๖ วรรคสอง (๖) เท่านั้น
มิใช่เป็นกรณีที่บิดาถูกถอนอำนาจปกครองเพราะการจะถอนอำนาจปกครองจะต้องมีเหตุตามมาตรา
๑๕๘๒ และเป็นอำนาจของศาล ดังนั้น
เมื่อมารดาของผู้เยาว์ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่ผู้เดียวตามที่ตกลงขณะที่จดทะเบียนหย่าถึงแก่กรรม
อำนาจปกครองผู้เยาว์จึงกลับมาอยู่แก่บิดาฝ่ายเดียวตามมาตรา ๑๕๖๖ วรรคสอง (๑)
เมื่อผู้เยาว์ยังมีบิดาซึ่งยังไม่ถูกถอดถอนอำนาจปกครองจึงไม่อาจตั้งผู้ปกครองได้
ผู้ร้องซึ่งเป็นน้าผู้เยาว์จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ปกครอง(ฎีกาที่
๒๕๖๓/๒๕๔๔), ตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า
ผู้ร้องที่ ๑ กับ ด.เพียงตกลงกันให้
ด.มีภาระหน้าที่ปกครองอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสามเท่านั้น
ไม่มุ่งหมายถึงการใช้อำนาจปกครองและทั้งไม่มีการร้องขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด
อำนาจการปกครองผู้เยาว์ทั้งสามคงอยู่กับผู้ร้องที่ ๑ และ ด.ซึ่งเป็นบิดามารดาผู้เยาว์ทั้งสาม
และเมื่อ ด.ตาย ป.พ.พ.มาตรา ๑๕๖๖ (๑) ก็บัญญัติเป็นพิเศษอีกว่า
ให้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ตกอยู่แก่ผู้ร้องที่ ๑ โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้ร้องที่ ๑
ซึ่งเป็นบิดามีกิริยาความประพฤติไม่เหมาะสมเพราะต้องคำพิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตฐานฆ่า
ด.และพยายามฆ่า ส.โดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
ตราบใดที่ไม่มีการเพิกถอนอำนาจการปกครองเสียทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่มาตรา ๑๕๘๒
บัญญัติไว้ ผู้ร้องที่ ๑ ยังคงมีอำนาจการปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสามอยู่
กรณีจึงไม่อาจจัดให้มีผู้ปกครองผู้เยาว์ทั้งสามตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๕๘๕ ขึ้นอีกได้
เนื่องจากผู้ร้องที่ ๑ ซึ่งเป็นบิดาของผู้เยาว์ทั้งสามยังมีชีวิตอยู่
ด้วยเหตุดังกล่าวผู้ร้องที่ ๑ และที่ ๓
จึงไม่มีสิทธิหรืออำนาจตามกฎหมายที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ปกครองหรือเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้งสามซ้ำอีก(ฎีกาที่
๒๔๖๐/๒๕๓๙),
· ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ; โจทก์ทั้งสองไม่มาดูแลเอาใจใส่ผู้เยาว์
ไม่ช่วยค่าอุปการะเลี้ยงดู และไม่มาเยี่ยมผู้เยาว์ตามสมควร
ทำให้ผู้เยาว์แม้รู้ว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบิดามารดาแต่ไม่รู้สึกว่ามีความสัมพันธ์อบอุ่นใกล้ชิด
ตรงกันข้ามกลับหวาดกลัวที่จะต้องไปอาศัยอยู่กับโจทก์ทั้งสอง ยิ่งกว่านั้นการที่โจทก์ที่
๒ ใช้กำลังหักหาญแย่งชิงตัวผู้เยาว์ ทำให้ผู้เยาว์ตกใจหวาดกลัว
เครียดและวิตกหากจะต้องไปอยู่กับโจทก์ทั้งสอง
อาการผิดปกติทางจิตใจแสดงออกให้เห็นได้ทางพฤติกรรม
มีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่โรคทางจิตเวช
จำเป็นต้องจัดการแก้ไขให้สภาพการใช้ชีวิตของผู้เยาว์กลับสู่สภาวะปกติ
โดยให้ผู้เยาว์ได้อยู่อาศัยในที่ที่เหมาะสมการกระทำดังกล่าวของโจทก์ทั้งสองเป็นการใช้อำนาจปกครองเกี่ยวกับตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ(ฎีกาที่
๕๑๕/๒๕๖๐), บิดาของผู้เยาว์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติดและไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์
โดยให้อยู่ในความดูแลของผู้ร้อง
ถือได้ว่าบิดาประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและใช้อำนาจปกครองแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ(ฎีกาที่
๒๕๖๓/๒๕๔๔), มารดาของผู้เยาว์ย้ายไปอยู่ที่อื่นและสมรสใหม่ตั้งแต่ผู้เยาว์อายุได้เพียงปีเศษและไม่เคยกลับมาดูแลผู้เยาว์อีกเลย
กรณีจึงเป็นการที่มารดาผู้เยาว์ใช้อำนาจปกครองแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ(ฎีกาที่
๔๓๒๓/๒๕๔๐),
· กรณีไม่ถือว่าเป็นการใช้อำนาจปกครองโดยมิชอบ; โจทก์อ้างว่า
หากผู้เยาว์อยู่กับโจทก์ จะได้ประโยชน์และความผาสุกดีกว่าอยู่กับจำเลย
เหตุที่อ้างไม่ถือเป็นการใช้อำนาจปกครองโดยมิชอบ
หรือประพฤติชั่วร้ายอันเป็นเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองจำเลยได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๘๒
วรรคหนึ่ง(ฎีกาที่ ๘๕๙๖/๒๕๕๙), บิดามิได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๘๒
เพียงแต่ไม่สามารถปกครองดูแลผู้เยาว์ให้ได้รับความผาสุก
อันอาจเป็นเหตุให้สุขภาพจิตของผู้เยาว์เสื่อมลงเท่านั้นกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของบิดา(ฎีกาที่
๑๐๐๒/๒๕๓๗),
· ให้อำนาจศาลถอนอำนาจปกครองได้โดยลำพังไม่ต้องให้ผู้ใดร้องขอก็ได้; ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๘๒
ให้อำนาจศาลถอนอำนาจปกครองได้โดยลำพังไม่ต้องให้ผู้ใดร้องขอก็ได้
หากมีเหตุตามบทบัญญัติดังกล่าว
แม้ผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอถอนอำนาจปกครองของบิดาผู้เยาว์(ฎีกาที่
๒๕๖๓/๒๕๔๔), ในการถอนอำนาจปกครองนั้น
กฎหมายให้อำนาจศาลถอนเสียได้โดยลำพังโดยไม่ต้องให้ผู้ใดร้องขอก็ได้
หากมีเหตุตามบทบัญญัติแห่งป.พ.พ.มาตรา ๑๕๘๒ วรรคหนึ่ง ดังนั้น
แม้ในขณะผู้ร้องยื่นคำร้องผู้ร้องยังมิได้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เยาว์ก็ตาม(ฎีกาที่
๔๓๒๓/๒๕๔๐)
· การที่ผู้เยาว์จะอยู่กับบิดาหรือมารดาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้เยาว์หรือโดยคำนึงถึงประโยชน์และความผาสุกของผู้เยาว์เป็นสำคัญ
ศาลเห็นสมควรให้การใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์อยู่กับบิดาหรือมารดาฝ่ายเดียวก็ได้; บิดามิได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๘๒ เพียงแต่ไม่สามารถปกครองดูแลผู้เยาว์ให้ได้รับความผาสุก
อันอาจเป็นเหตุให้สุขภาพจิตของผู้เยาว์เสื่อมลงเท่านั้นกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของบิดา
แต่ตามพฤติการณ์ของคดีได้ความว่าความผูกพันทางจิตใจของมารดาที่มีต่อผู้เยาว์จะแนบแน่นมากกว่าผู้เป็นบิดา
แม้มารดาได้มีโอกาสปกครองดูแลผู้เยาว์บ้างเป็นครั้งคราวชั่วระยะเวลาอันสั้น
ผู้เยาว์กลับประสงค์จะอยู่กับมารดา
แสดงว่าผู้เยาว์ขาดความอบอุ่นทางจิตใจขณะอยู่กับบิดาเมื่อผู้เยาว์มีความผูกพันกับมารดามากกว่าบิดา
การที่ผู้เยาว์อยู่กับมารดาจะมีผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้เยาว์
จึงเห็นสมควรให้การใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์อยู่กับมารดาฝ่ายเดียวตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๖๖(๕)(ฎีกาที่ ๑๐๐๒/๒๕๓๗), แม้ว่า ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๖๖ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "บุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของบิดามารดา"
แต่ก็มีข้อยกเว้นตามบทบัญญัติมาตรา ๑๕๒๑ ประกอบมาตรา ๑๕๖๖ วรรคสอง
(๕) ให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจสั่งให้บิดาหรือมารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวได้
หากผู้ใช้อำนาจปกครองประพฤติตนไม่สมควรหรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงประโยชน์และความผาสุกของผู้เยาว์เป็นสำคัญ
โดยไม่ถือว่าเป็นการสั่งเพิกถอนอำนาจปกครองของผู้ใช้อำนาจปกครองตาม ป.พ.พ. มาตรา
๑๕๘๒ วรรคหนึ่ง(ฎีกาที่ ๒๖๖๘/๒๕๕๖),
· ญาติของผู้เยาว์; ผู้เยาว์ทั้งสองเป็นบุตรของ ก. กับ ส. ซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสกัน
มิใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ก. ผู้เป็นบิดา ผู้ร้องเป็นน้องของบิดาของ ก.
จึงมิใช่ญาติของผู้เยาว์ทั้งสองตามความหมายของ ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๘๒
ไม่มีสิทธิ์ร้องขอให้ถอนอำนาจปกครองของมารดาของผู้เยาว์ทั้งสอง
และไม่อาจขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ทั้งสอง(ฎีกาที่ ๕๑๓๕/๒๕๓๗),
0 Comments
แสดงความคิดเห็น