คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๗/๒๕๖๒ 

               จำเลยที่ ๑ ยอมให้จำเลยที่ ๒ใช้สถานที่ของจำเลยที่ ๑ เป็นที่ทำการของจำเลยที่ ๒ และยอมให้จำเลยที่ ๒ ใช้หนังสือสัญญามัดจำ และใบเสร็จรับเงินที่ใช้หัวกระดาษของจำเลยที่ ๑ ติดต่อกับโจทก์ในนามจำเลยที่ ๑ เป็นกรณีที่จำเลยที่ ๑ รู้อยู่แล้วยอมให้จำเลยที่ ๒ เชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑ แสดงให้โจทก์หรือบุคคลทั่วไป เข้าใจว่าการซื้อขายบ้านพิพาทเป็นการซื้อขายกับจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านตามปกติทางการค้าขายของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๒๑

 

               ตามฎีกานี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า   แม้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาฝ่ายผู้ขายเพียงผู้เดียว แต่การติดต่อซื้อขายบ้านระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๒ ทำที่ร้านของจำเลยที่ ๑ ตัวอย่างแบบบ้านที่จำเลยที่ ๒ พาโจทก์ไปดูก็อยู่ในบริเวณร้านของจำเลยที่ ๑ ตลอดจนหนังสือสัญญามัดจำและใบเสร็จรับเงินล้วนใช้หัวกระดาษร้านของจำเลยที่ ๑ ทั้งสิ้น ซึ่งจำเลยที่ ๑ มิได้โต้แย้งข้อเท็จจริง จึงต้องฟังว่าเอกสารที่จำเลยที่ ๒ ใช้ ติดต่อกับโจทก์นั้นเป็นเอกสารที่ติดต่อในนามของจำเลยที่ ๑ ส่วนที่จำเลยที่ ๑ กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ต่างแยกกันประกอบกิจการนั้นก็ได้ความจากจำเลยที่ ๑ เบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านรับว่า สถานที่ทำงานของจำเลยที่ ๒ อยู่ที่เดียวกันกับสถานที่ทำงานของจำเลยที่ ๑ แสดงว่าจำเลยที่ ๒ ไม่มีสถานประกอบการเป็นของตนเอง

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

               มาตรา ๘๒๑ บุคคลผู้ใดเชิดบุคคลอีกคนหนึ่งออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี รู้แล้วยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน