ประเด็น ๑. การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสินสมรส ในการให้ความยินยอมเป็นหนังสือของคู่สมรส ถ้าไม่ได้ทำที่สำนักงานที่ดินและต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จะสมบูรณ์หรือไม่

               ๒. ผลของการทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสินสมรสโดยไม่ได้รับความยินยอมของคู่สมรส จะตกเป็นโมฆะหรือไม่

               ฎีกาที่ ๖๙๔๒/๒๕๖๒ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙ วรรคหนึ่งบัญญัติว่า “เมื่อมีกิจการอันใดซึ่งกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ บุคคลผู้จะต้องทำหนังสือไม่จำเป็นต้องเขียนเอง แต่หนังสือนั้นต้องลงลายมือชื่อของบุคคลนั้น” ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับ ข. การที่ ข. จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยโดยเสน่หา เป็นกรณีที่ ข. จัดการสินสมรสโดยปกติต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๖ (๕) และ มาตรา ๑๔๗๑๙ แต่ความยินยอมที่ต้องทำเป็นหนังสือนี้ แม้หนังสือยินยอมจะไม่ได้ทำที่สำนักงานที่ดินและต่อเจ้าพนักงานที่ดินก็ตาม เพียงแต่ผู้ให้ความยินยอมลงลายมือชื่อในหนังสือยินยอมดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง ก็มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๙

               ข. จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือของโจทก์ จึงเป็นการทำนิติกรรมที่ ข. ทำไปลำพังฝ่ายเดียว เป็นนิติกรรมที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งมีผลให้โจทก์ที่ไม่ได้ให้ความยินยอมขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๘๐ วรรคหนึ่ง แต่ตราบใดที่นิติกรรมดังกล่าวยังไม่ถูกศาลเพิกถอนย่อมยังมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยซึ่งเป็น คู่สัญญาย่อมมีสิทธิสมบูรณ์ในที่ดินพิพาทเพราะกฎหมายมิได้บัญญัติว่า นิติกรรมในการจัดการสินสมรสที่คู่สมรสทำไปโดยลำพังนั้นเป็นโมฆะ หรือโมฆียะ คงบัญญัติแต่เพียงว่านิติกรรมนั้นอาจถูกศาลเพิกถอนได้ใน ภายหลังเท่านั้น ดังนั้นนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทให้โดยเสน่หาระหว่าง ข. กับจำเลยจึงหาตกเป็นโมฆะไม่

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

               มาตรา ๑๔๗๙ การใดที่สามีหรือภริยากระทำ ซึ่งต้องรับความยินยอมร่วมกัน และถ้าการนั้นมีกฎหมายบัญญัติให้ทำเป็นหนังสือหรือให้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ความยินยอมนั้น ต้องทำเป็นหนังสือ

               มาตรา ๑๔๘๐ การจัดการสินสมรสซึ่งต้องจัดการร่วมกันหรือต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ตามมาตรา ๑๔๗๖ ถ้าคู่สมรสฝ่ายหนึ่งได้ทำนิติกรรมไปแต่เพียงฝ่ายเดียว หรือโดยปราศจากความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งอาจฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ เว้นแต่คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบันแก่นิติกรรมนั้นแล้ว หรือในขณะที่ทำนิติกรรมนั้นบุคคลภายนอกได้กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน

               การฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมตามวรรคหนึ่งห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้รู้เหตุอันเป็น มูลให้เพิกถอน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันที่ได้ทำนิติกรรมนั้น