จำเลยใช้ถุงพลาสติกซึ่งไม่มีช่องอากาศครอบศีรษะผู้ตาย แล้วใช้เทปกาวพันรอบบริเวณลำคอผู้ตาย แม้จำเลยมิได้ประสงค์จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย แต่จำเลยก็ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจ และถึงแก่ความตายได้ จึงถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายแล้ว เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
                การที่จำเลยจะอ้างว่ากระทำความผิดโดยบันดาลโทสะได้นั้นจะต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อน และต้องเป็นการกระทำความผิดในขณะที่ถูกผู้ตายข่มเหงด้วย ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงทะเลาะกัน ในขณะที่จำเลยขับรถยนต์มากับผู้ตาย เมื่อจำเลยอ้างว่าผู้ตายทุบตีและถีบจำเลยจนทำให้รถยนต์เสียหลักไปชนกับขอบทางด่วน แต่สาเหตุที่ผู้ตายกระทำต่อจำเลยเกิดจากจำเลยหลอกลวงให้ผู้ตายไปพบเพื่อดูรถยนต์ที่จะนำมาตีใช้หนี้ให้แก่ผู้ตาย ซึ่งจำเลยมีส่วนผิดอยู่ด้วย เมื่อจำเลยใช้เข็มขัดพลาสติกรัดสายไฟมัดมือมัดเท้า ใช้เทปปิดปากผู้ตาย และถอดเสื้อผ้าของผู้ตายออกทิ้งไปแล้ว ผู้ตายย่อมไม่อาจกระทำการอันเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงต่อไปได้ การที่จำเลยยังคงใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะผู้ตาย และใช้เทปมัดถุงพลาสติกรอบคอผู้ตายจนแน่นโดยอ้างว่ายังคงได้ยินเสียงผู้ตายด่าทอและข่มขู่จะทำร้ายภรรยาและบุตรของจำเลย จนทำให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมานั้น ย่อมไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดในขณะที่ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ

ข้อเท็จจริง
                ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้องจำเลยขับรถยนต์ไปรับผู้ตาย(ซึ่งเป็นผู้หญิง จำเลยเป็นผู้ชาย) จากบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า ไปขึ้นทางด่วน ระหว่างทางจำเลยใช้เข็มขัดพลาสติกรัดสายไฟ มัดมือและเท้าผู้ตาย ใช้กระดาษเทปกาวปิดปาก และใช้ถุงพลาสติกสีดำสำหรับใส่ขยะคลุมศีรษะมัดม้วนไว้บริเวณใต้คางแล้วใช้เทปกาวปิดมัดทับ ต่อมาผู้ตายได้ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงนำศพผู้ตายทิ้งข้างทางในบริเวณที่เกิดเหตุ นำกระป๋องกาวเทใส่ศพผู้ตายแล้วจุดไฟเผาเพื่อทำลายศพ
                จำเลยฎีกาว่าในข้อแรกว่า จำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายโดยมิได้มีเจตนาฆ่าผู้ตาย
                จำเลยฎีกาข้อต่อมาว่า จำเลยอ้างว่ากระทำผิดโดยบันดาลโทสะ

 เล็งเห็นผล
                ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
                เล็งเห็นผล หมายความว่า เล็งเห็นได้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเท่าที่จิตใจของบุคคลในฐานะเช่นนั้นจะเล็งเห็นได้
                ฎีกาที่ ๙๘๕/๒๕๔๖ จำเลยใช้แขนล็อกคอผู้เสียหายแล้วลากไปที่คูน้ำข้างถนน กดตัวผู้เสียหายลงไปในน้ำจนมิดศีรษะหมดสติและปอดอักเสบเนื่องจากสำลักน้ำทำให้ปอดสูญเสียสมรรถภาพของถุงลมไม่สามารถแลกเปลี่ยนอากาศได้เป็นเวลา ๔ สัปดาห์ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจประมาณ ๑ สัปดาห์ จำเลยย่อมมองเห็นว่าผลอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

บันดาลโทสะ
                ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒ บัญญัติว่า ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
                หลักเกณฑ์ในเรื่องบันดาลโทสะมีดังนี้
                ๑.ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
                ๒. การที่ถูกข่มเหงเช่นนั้นเป็นเหตุให้ผู้กระทำบันดาลโทสะ
                ๓. ผู้กระทำได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะบันดาลโทสะ
                ผู้ที่ก่อเหตุขึ้นก่อน หากอีกฝ่ายกระทำการโต้ตอบกลับมา ก็ถือว่าถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่ได้
                ฎีกาที่ ๑๗๗/๒๕๑๘ จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยเปิดน้ำในนาของผู้ตายจนแห้งเพื่อนำเข้าไปในนาของจำเลย เมื่อผู้ตายมาด่าและท้าจำเลย จำเลยทำร้ายผู้ตาย ดังนี้ จะอ้างว่ากระทำโดยบันดาลโทสะไม่ได้
                ฎีกาที่ ๗๑/๒๕๓๐ เมื่อผู้เสียหายกับภริยาเดินผ่านมา จำเลยด่าผู้เสียหายด้วยถ้อยคำที่หยาบคายว่าอ้ายเหี้ย อ้ายสัตว์ ผู้เสียหายและภริยาก็ด่าตอบจำเลยโกรธใช้มีดดาบฟันทำร้ายผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน และตั้งใจมาหาเรื่องกับผู้เสียหาย และจะอ้างว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะไม่ได้

อ้างอิง
เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์. คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๑ บทบัญญัติทั่วไป ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑๐      แก้ไขเพิ่มเติม. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ พลสยาม พริ้นติ้ง ประเทศไทย, ๒๕๕๑.