บทบัญญัติมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้สามีมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินไปภริยาไปในทางชู้สาวได้ แม้ภริยาสมัครใจหรือยินยอมให้ล่วงเกินไปในทำนองชู้สาว สามีก็มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนตามวรรคสองนี้ได้ เพราะการฟ้องเรียกค่าทดแทนตามวรรคสองนี้เป็นสิทธิของสามีโดยเฉพาะและสิทธิในการฟ้องของสามีย่อมเกิดขึ้นตั้งแต่ขณะที่มีการล่วงเกินในทางชู้สาวกัน จำเลยที่ ๒ มีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ ๑ ทางชู้สาวเป็นการล่วงเกินในทางชู้สาวต่อจำเลยที่ ๑ ในขณะที่จำเลยที่ ๑ ยังเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ สิทธิของโจทก์ตามบทบัญญัติดังกล่าวย่อมเกิดมีขึ้นตั้งแต่ขณะที่ยังไม่มีการหย่า แม้ภายหลังมีการจดทะเบียนหย่ากันแล้ว สิทธิในการฟ้องก็หาได้หมดสภาพ หรือถูกลบล้างตามไปด้วยไม่ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ ๒ ได้ตามบทบัญญัติดังกล่าว

คำวินิจฉัยข้อเท็จจริง
                โจทก์สงสัยว่าจำเลยที่ ๑ คบหาชายอื่นจึงค้นหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ที่บ้านและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยที่ ๑ พบว่าจำเลยที่ ๑ เคยจองโรงแรมหลายครั้ง โดยจำเลยที่ ๑ ส่งข้อมูลเรื่องการจองโรงแรมให้จำเลยที่ ๒ ทราบทางไลน์ตามหลักฐานของการจองโรงแรม นอกจากนี้ยังพบภาพถ่ายของจำเลยทั้งสองแสดงความสนิทสนมกันหลายภาพ โดยจำเลยที่ ๒ ยอมรับว่าชายในภาพถ่ายที่โอบกอดและใกล้ชิดกับจำเลยที่ ๑ คือจำเลยที่ ๒ จริง จำเลยที่ ๑ เคยส่งข้อความทางไลน์ไปในไลน์ครอบครัวของจำเลยที่ ๑ ระบุข้อความว่าจำเลยที่ ๑ แยกกันกับสามีและตอนนี้กำลังมีแฟนใหม่แล้ว ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ มีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ ๑ ทางชู้สาวอันเป็นการล่วงเกินในทำนองชู้สาวต่อจำเลยที่ ๑ ในขณะที่จำเลยที่ ๑ ยังเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

เพิ่มเติม
                หลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ตกลงกันได้และไปจดทะเบียนหย่ากัน
                ฎีกาที่ ๑๖๒๐/๒๕๓๘ โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ ๒ ตามมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง ได้ โดยไม่จำต้องคำนึงว่าโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ตกลงหย่ากันเองหรือศาลพิพากษาให้หย่ากัน
                ที่ว่า ล่วงเกินภรรยาไปในทำนองชู้สาว ถ้อยคำนี้แสดงว่าเป็นการให้คุ้มครองแก่สิทธิของสามีที่จะหึงหวงหญิงผู้เป็นภรรยาของตน ดังนั้น ไม่ว่าภริยาจะยินยอมให้ล่วงเกินหรือไม่ก็ตาม สามีก็มีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภรรยาไปในทำนองชู้สาวได้ ทั้งนี้ผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาว ต้องรู้ว่าหญิงนั้นมีสามีแล้ว แต่ไม่ถึงขนาดที่จะต้องรู้ว่าใครเป็นสามี และเห็นว่า การล่วงเกินพญาไปในทำนองชู้สาวนั้น มีความหมายถึงทำชู้กัน
                ฎีกาที่ ๒๙๓๖/๒๕๒๒ การนอนกอดกันกับภรรยาของผู้อื่นเพราะรักใคร่กันในทางชู้สาว หรือก็ทำถึงขั้นร่วมประเวณีกับภริยาของผู้อื่นก็ล้วนแต่ต้องถือว่าได้ล่วงเกินภรรยาของเขาไปในทำนองชู้สาวทั้งสิ้น โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ ตามมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง

อ้างอิง
สมชัย ฑีฆาอุตมากร. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ ๕ ว่าด้วยครอบครัว ฉบับสมบูรณ์ ศึกษาเชิงวิเคราะห์ จากบทกฎหมาย. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์พลสยามพริ้นติ้ง, ๒๕๕๔.

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
                มาตรา ๑๕๒๓ เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น
                สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้