คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๒๘๘/๒๕๖๔

                    การร่วมกระทำความผิดในลักษณะตัวการตาม ป.อ. มาตรา ๘๓ ต้องพิจารณาทั้งการกระทำและเจตนาของผู้ที่ร่วมกระทำ ซึ่งต้องร่วมกระทำผิดด้วยกันและกระทำโดยเจตนาร่วมกัน ทั้งทุกคนที่กระทำจะต้องรู้ถึงการกระทำของกันและกันและต่างประสงค์ถือเอาการกระทำของแต่ละคนเป็นการกระทำของตนด้วยจำเลยที่ ๒ ให้ผู้เสียหายที่ ๑ ชวนจำเลยที่ ๑ ไปเที่ยวตลาดคลองถมเชียงม่วน จำเลยทั้งสองและผู้เสียหายที่ ๑ ร่วมเดินทางมาด้วยกันโดยตลอด ระหว่างทางจำเลยทั้งสองซื้อเบียร์มาดื่มด้วยกัน จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ให้ผู้เสียหายที่ ๑ ดื่มเบียร์จนรู้สึกมึนเมา จำเลยที่ ๒ ซื้อถุงยางอนามัยที่ร้านสะดวกซื้อและไม่ได้พาผู้เสียหายที่ ๑ ไปตลาดคลองถมเชียงม่วนแต่กลับร่วมกันพาผู้เสียหายที่ ๑ เข้าพักในโรงแรมที่เกิดเหตุโดยพักอยู่ห้องเดียวกันและนอนเตียงเดียวกัน ต่อมาขณะผู้เสียหายที่ ๑ หลับแล้วตื่นขึ้นมา จำเลยที่ ๒ ไม่อยู่ในห้องพัก จำเลยที่ ๑ กระทำอนาจารผู้เสียหายที่ ๑ แต่ผู้เสียหายที่ ๑ หลบหนีเข้าไปในห้องน้ำ จนกระทั่งจำเลยที่ ๒ เรียก จึงยอมออกมา การกระทำของจำเลยที่ ๒ บ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจำเลยที่ ๒ คบคิดกับจำเลยที่ ๑ มาก่อนโดยมีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ ๑ มาโดยตลอด แม้จำเลยที่ ๒ จะไม่อยู่ในห้องพักในขณะเกิดเหตุก็ตาม แต่เป็นการเปิดโอกาสให้จำเลยที่ ๑ กระทำอนาจารผู้เสียหายที่ ๑ จึงเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำระหว่างจำเลยทั้งสอง การกระทำของจำเลยที่ ๒ จึงเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานกระทำอนาจาร หาใช่เพียงผู้สนับสนุนไม่ จำเลยทั้งสองตกลงชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายที่ ๒ และปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว ถือเป็นกรณีที่ผู้เสียหายที่ ๒ ซึ่งเป็นบิดาของผู้เสียหายที่ ๑ ยอมความแทนผู้เสียหายที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้เยาว์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๓ (๕) และมาตรา ๕ (๑) สิทธินำคดีมาฟ้องในความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา ๓๑๐ วรรคแรก ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ จึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๓๙ (๒)

 

เพิ่มเติม

                    ฎีกาที่ ๘๖๒๓/๒๕๖๑ การร่วมกระทำความผิดในลักษณะตัวการตาม ป.อ. มาตรา ๘๓ จะต้องเป็นการร่วมกระทำความผิดด้วยกันซึ่งต้องพิจารณาทั้งในส่วนการกระทำและเจตนาของผู้ที่ร่วมกระทำ หมายถึงต้องร่วมกระทำผิดด้วยกันและกระทำโดยเจตนาร่วมกัน ทั้งทุกคนที่กระทำจะต้องรู้ถึงการกระทำของกันและกันและต่างประสงค์ถือเอาการกระทำของแต่ละคนเป็นการกระทำของตนด้วย

 

ประมวลกฎหมายอาญา

                    มาตรา ๘๓  ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น