คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๗๔/๒๕๖๔ 

               ภายหลังจากทำสัญญาเช่าซื้อ จำเลยชำระค่าเช่าซื้อเพียง ๑๗ งวดแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อแก่โจทก์อีกเลยเป็นเวลาเกินกว่าสามงวดติดต่อกัน และโจทก์ยังมิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยตามสัญญาเช่าซื้อข้อ ๑๐ (ก) ภายหลังจากนั้นจำเลยประสงค์จะเลิกสัญญาเช่าซื้อได้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ ซึ่งแม้สัญญาเช่าซื้อข้อ ๑๓ มีข้อตกลงให้สิทธิผู้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาโดยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ก็ตาม แต่ข้อตกลงในสัญญาที่ให้สิทธิผู้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาเสียเมื่อใดก็ได้ ผู้เช่าซื้อจะต้องคืนและส่งมอบรถยนต์ในสภาพที่ซ่อมแซมเรียบร้อยใช้การได้ดีในสภาพเช่นเดียวกับวันที่รับมอบรถยนต์ไปจากเจ้าของพร้อมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ทั้งหมดให้แก่เจ้าของ ณ สำนักงานของเจ้าของ และยังมีเงื่อนไขว่าและชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญานี้อยู่ ในเวลานั้นทันทีแสดงว่าการที่จะถือว่าเป็นการใช้สิทธิเลิกสัญญาของฝ่ายผู้เช่าซื้อ จำเลยผู้เช่าซื้อต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์พร้อมกับชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญาอยู่ในเวลาที่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนด้วย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญาแก่โจทก์ทันที ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาตามสัญญาเช่าซื้อข้อ ๑๓ ที่จะทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเป็นค่าขาดราคาตามข้อตกลงได้

               พฤติการณ์ที่จำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์และโจทก์รับมอบรถยนต์ไว้โดยไม่โต้แย้งคัดค้าน ย่อมถือเป็นพฤติการณ์ที่โจทก์ และจำเลยต่างสมัครใจเลิกสัญญาต่อกันโดยปริยาย โจทก์ไม่อาจ อาศัยข้อตกลงตามสัญญาเช่าซื้อที่ระงับไปแล้วเรียกร้องให้จำเลยรับผิดชำระค่าขาดราคาได้

 

เพิ่มเติม ฎีกาที่ ๔๖๐๗/๒๕๖๒

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

               มาตรา ๓๘๖  ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเลิกสัญญาโดยข้อสัญญาหรือโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การเลิกสัญญาเช่นนั้นย่อมทำด้วยแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง

               แสดงเจตนาดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น ท่านว่าหาอาจจะถอนได้ไม่