คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๖๔/๒๕๖๓ 

               ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๐ เจ้าหนี้ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้นั้น หมายความถึงเจ้าหนี้ที่สามารถบังคับชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เมื่อโจทก์มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน ๒ เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ย่อมหมดสิทธิบังคับชำระหนี้จากจำเลยได้อีกต่อไป เพราะผลของประนอมหนี้หลังล้มละลายย่อมผูกพันโจทก์และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายไปแล้ว จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ย่อมหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ในคดีล้มละลาย การที่จำเลยขายที่ดินตามฟ้องจึงไม่ใช่การกระทำเพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ในคดีแพ่งได้รับชำระหนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๐

               ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๐ ที่บัญญัติว่า ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนได้รับชำระหนี้ทั้งหมด หรือแต่บางส่วน คำว่า “เจ้าหนี้ของตน” หมายถึงเฉพาะโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีนี้มิได้หมายความรวมถึงเจ้าหนี้คนอื่นของจำเลย ซึ่งมิได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ด้วย

 

หมายเหตุ

               ๑.โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาก่อนที่จำเลยจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด หนี้ดังกล่าวจึงเป็นหนี้ที่โจทก์อาจขอรับชำระหนี้ได้ในคดีล้มละลาย

               ๒.โจทก์ไม่ได้ขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ภายใน ๒ เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จำเลยจึงหมดสิทธิบังคับชำระหนี้จากจำเลย

               ๓. ภายหลังศาลล้มละลายกลางมีคำพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย จำเลยได้ยื่นคำขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลาย ศาลล้มละลายกลางเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้และมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย

              

ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๓๕๐ ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ