คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๗๒๕/๒๕๖๑(ประชุมใหญ่) 

               จำเลยที่ ๒ ขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาแพ่ง มาตรา ๕๗ (๓) เพราะเหตุที่อาจใช้สิทธิไล่เบี้ยอ้างว่าจำเลยร่วมมีส่วนประมาทเลินเล่อและก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองด้วย จำเลยร่วมให้การว่าไม่มีส่วนประมาทเลินเล่อกับจำเลยที่ ๒ คำให้การของจำเลยร่วมเป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยที่ ๒ การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ รับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง และยกฟ้องจำเลยร่วมเป็นการกระทบสิทธิของจำเลยที่ ๒ โดยตรงแม้โจทก์ทั้งสองจะมิได้อุทธรณ์ฎีกา จำเลยที่ ๒ ก็มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาให้จำเลยร่วมรับผิดต่อโจทก์ได้

               พฤติการณ์ที่จำเลยร่วมขับรถออกจากปากซอยเฉลิมพระเกียรติ ๗๙ ไปจอดรอเพื่อเลี้ยวขวาไปอีกฝั่งของถนนทั้งที่บริเวณดังกล่าวมีเครื่องหมายจราจรเขตปลอดภัย เส้นทึบห้ามขับรถเข้าไปในพื้นที่ ทั้งจอดรถส่วนกระบะบางส่วนเข้าไปในทางเดินรถลงสะพานจึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ หากจำเลยร่วมไม่ขับรถฝ่าเครื่องหมายจราจรไปจอดรอบริเวณดังกล่าว เหตุเฉียวชนย่อมไม่เกิดขึ้น เช่นนี้จำเลยร่วมจึงมีส่วนขับรถโดยประมาทเลินเล่อเป็นผลให้เกิดเหตุละเมิดคดีนี้และต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๒ ในเหตุละเมิดที่เกิดขึ้น สำหรับความรับผิดของจำเลยที่ ๒ และจำเลยร่วมที่มีต่อโจทก์ทั้งสองนั้น เมื่อพิจารณาความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ ๑ ที่ขับรถด้วยความเร็วสูงในช่องเดินรถที่ ๒ นับจากซ้ายขึ้นสะพานซึ่งไม่สามารถมองเห็นทางเดินรถด้านหน้าได้อย่างชัดเจน เป็นเหตุให้จำเลยที่ ๑ ไม่สามารถควบคุมรถเมื่อขับลงสะพานให้หยุดได้ในระยะปลอดภัยเมื่อมีรถยนต์ที่จำเลยร่วมขับจอดกีดขวางอยู่ และความประมาทเลินเล่อของจำเลยร่วมที่ขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรบริเวณทางลงสะพานซึ่งเป็นจุดที่ผู้ขับขี่รถอื่นไม่สามารถมองเห็นทางเดินรถได้อย่างชัดเจนทั้งยังหยุดรถกีดขวางช่องเดินรถที่จำเลยที่ ๑ ขับมาแล้ว ถือว่าจำเลยที่ ๑ มีส่วนประมาทเลินเล่อมากกว่าจำเลยร่วม  จำเลยที่ ๒ ซึ่งต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่ ๑ และจำเลยร่วม จึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองอย่างลูกหนี้ร่วม โจทก์ทั้งสองมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ ๒ กับจำเลยร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามส่วนความรับผิดหรือเรียกร้องให้จำเลยที่ ๒ หรือจำเลยร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชดใช้เต็มจำนวนก็ได้

 

                    ตามฎีกานี้ จำเลยที่ ๒ ให้การตอนหนึ่งว่า จำเลยร่วมมีส่วนขับรถประมาทก่อให้เกิดเหตุในครั้งนี้ด้วย และระหว่างพิจารณา จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกจำเลยร่วม เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๕๗ (๓) ศาลชั้นต้นอนุญาต

 

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

               มาตรา ๕๗ บุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความอาจเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอด

                    (๓) ด้วยถูกหมายเรียกให้เข้ามาในคดี (ก) ตามคำขอของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นคำร้องแสดงเหตุว่าตนอาจฟ้องหรือถูกคู่ความเช่นว่านั้นฟ้องตนได้ เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ย หรือเพื่อใช้ค่าทดแทน ถ้าหากศาลพิจารณาให้คู่ความเช่นว่านั้นแพ้คดี หรือ (ข) โดยคำสั่งของศาลเมื่อศาลนั้นเห็นสมควร หรือเมื่อคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีคำขอ ในกรณีที่กฎหมายบังคับให้บุคคลภายนอกเข้ามาในคดี หรือศาลเห็นจำเป็นที่จะเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แต่ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีดังกล่าว แล้วให้เรียกด้วยวิธียื่นคำร้องเพื่อให้หมายเรียกพร้อมกับคำฟ้องหรือคำให้การ หรือใน เวลาใด ๆ ต่อมาก่อนมีคำพิพากษาโดยได้รับอนุญาตจากศาล เมื่อศาลเป็นที่พอใจว่าคำร้องนั้นไม่อาจยื่นก่อนนั้นได้

               การส่งหมายเรียกบุคคลภายนอกตามอนุมาตรานี้ต้องมีสำเนาคำขอ หรือคำสั่งของศาล แล้วแต่กรณี และคำฟ้องตั้งต้นคดีนั้นแนบไปด้วย

               บทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้ไม่ตัดสิทธิของเจ้าหนี้ ในอันที่จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้และที่จะเรียกลูกหนี้ให้เข้ามาในคดีดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์