คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๘๐/๒๕๖๓ 

               จำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ ๑ ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม และทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่โดยทั่วไปของผู้จัดการมรดกไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาท และไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๑๔ และมาตรา ๑๗๒๒ จำเลยที่ ๑ มีอำนาจที่จะกระทำได้ นิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้จัดการมรดกให้แก่จำเลยที่ ๑ ในฐานะส่วนตัว ไม่ตกเป็นโมฆะตามมาตรา ๑๕๐ แม้จะทำให้โจทก์ทั้งสี่ผู้เป็นทายาทโดยธรรมได้รับความเสียหายไม่ได้รับมรดกที่ดินพิพาทก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์ทั้งสี่ และจำเลยที่ ๑ จะว่ากล่าวกันต่างหาก

               ภายหลังจำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ ๑ ในฐานะส่วนตัวแล้ว จำเลยที่ ๑ ย่อมมีสิทธิจดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๒ ส่วนจำเลยที่ ๒ ขายฝากที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๓ เมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖ บัญญัติให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลกระทำการโดยสุจริต ประกอบกับโจทก์ทั้งสี่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ ๓ กระทำการโดยไม่สุจริต แต่กลับบรรยายฟ้องว่าแม้จำเลยที่ ๓ รับโอนมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต ก็ไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน เท่ากับโจทก์ทั้งสี่ยอมรับ ว่าจำเลยที่ ๓ รับซื้อฝากโดยสุจริต คดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลย ที่ ๓ รับซื้อฝากโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตหรือไม่ แม้ศาลชั้นต้นยินยอมให้โจทก์ทั้งสี่นำสืบพยานหลักฐานกล่าวอ้างว่าจำเลย ที่ ๓ รับซื้อฝากโดยไม่สุจริตซึ่งเป็นการนำสืบพยานหลักฐานนอกเหนือไปจากคำฟ้องคำให้การอันเป็นการนำสืบไม่เกี่ยวแก่ประเด็นข้อพิพาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๖ วรรคสอง ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตามมาตรา ๘๗ (๑)

               โจทก์ทั้งสี่มีสิทธิได้รับมรดกที่ดินพิพาทส่วนของผู้ตาย เป็นการได้ทรัพยสิทธิในอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม ซึ่งโจทก์ทั้งสี่ยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งที่ดินพิพาท ไม่อาจยกสิทธิการได้มาซึ่งที่ดินพิพาทเป็นข้อต่อสู้จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิ์มาโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๙ วรรคสอง และมาตรา ๑๓๐๐ โจทก์ทั้งสี่ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ ๒ กับจำเลยที่ ๓ เมื่อจำเลยที่ ๓ รับซื้อฝากที่ดินไว้โดยสุจริตแล้วจำเลยที่ ๒ ไม่ไถ่ถอนการขายฝากกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทย่อมตกแก่จำเลยที่ ๓ โดยเด็ดขาด จำเลยที่ ๓ มีสิทธิจดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๔ ได้ โจทก์ทั้งสี่ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนให้ที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ ๓ กับจำเลยที่ ๔ ได้เช่นเดียวกัน

              

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

               มาตรา ๑๕๐ การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ

                    มาตรา ๑๒๙๙ วรรคสอง ถ้ามีผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม สิทธิของผู้ได้มานั้น ถ้ายังมิได้จดทะเบียนไซร้ ท่านว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และสิทธิอันยังมิได้จดทะเบียนนั้น มิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว

               มาตรา ๑๓๐๐ ถ้าได้จดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เป็นทางเสียเปรียบแก่บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นอาจ เรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได้ แต่การโอนอันมีค่าตอบแทน ซึ่งผู้รับโอนกระทำการโดยสุจริตนั้น ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ท่านว่าจะเรียกให้เพิกถอนทะเบียนไม่ได้