การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้า
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๖๙ การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้าให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา
แต่ถ้าได้บอกถอนไปถึงผู้รับการแสดงเจตนานั้น ก่อนหรือพร้อมกันกับที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา
การแสดงเจตนานั้นตกเป็นอันไร้ผล
การแสดงเจตนาที่ได้ส่งออกไปแล้วย่อมไม่เสื่อมเสียไป
แม้ภายหลังการแสดงเจตนานั้นผู้แสดงเจตนาจะถึงแก่ความตาย
หรือถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้า
หมายถึง บุคคลที่ไม่สามารถติดต่อสื่อสารหรือรับรู้กันได้โดยทันที
ต้องใช้การติดต่อสื่อสารกันด้วยจดหมาย โทรเลข โทรสาร
ที่ผู้รับมิได้รอรับอยู่ที่ปลายทาง
“ไปถึง” ผู้รับ โดยผู้รับจะได้ “รู้”
ถึงข้อความในจดหมายนั้นหรือไม่ก็ได้
ตามมาตรา ๖๘๖ การบอกกล่าวผู้ค้ำประกันเมื่อลูกหนี้ผิดนัด
กฎหมายก็กำหนดเอาการ “ไปถึง” ผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญด้วย
ฎีกาที่ ๑๐๘๐๘/๒๕๕๙ การบอกกล่าวบังคับจำนองเป็นการแสดงเจตนาอย่างหนึ่งตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๙ วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า “การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้าให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนา...”
ถ้อยคำว่า “ไปถึง” นั้น หมายความว่า ผู้รับการแสดงได้มีการแสดงเจตนาโดยมีจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังลูกหนี้ ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของลูกหนี้
แม้ขณะจดหมายบอกกล่าวไปถึงภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของลูกหนี้จะไม่พบลูกหนี้หรือไม่มีผู้ใดรับไว้
ก็ถือได้ว่าผู้รับจำนองมีจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงลูกหนี้โดยชอบแล้ว
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ส่งจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองถึงจำเลยโดยทางไปรษณีย์ตอบรับตามภูมิลำเนาที่จำเลยระบุในสัญญาจำนอง
และตามแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรเอกสารแนบท้ายคำแถลงขอปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง กรณีจึงถือได้ว่าโจทก์มีจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงจำเลยและมีผลเป็นการบอกกล่าวบังคับจำนองโดยชอบแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา
๗๒๘ และมาตรา ๑๖๙ วรรคหนึ่ง หมายเหตุ ตามฎีกานี้ จำเลยฎีกาว่าปรากฏว่าส่งไม่ได้เพราะไม่มารับภายในกำหนด
โดยที่พนักงานไปรษณีย์ไม่ได้มีหนังสือแจ้งจำเลยให้ไปรับหนังสือของโจทก์ดังกล่าวที่ที่ทำการไปรษณีย์
ฎีกาที่ ๕๙๐๑/๒๕๕๐ การแสดงเจตนาต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้านั้น
ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๙ บัญญัติว่า “การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้าให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา...”
ถ้อยคำที่ว่าไปถึงผู้รับการแสดงเจตนานั้นมิได้หมายความว่า
ผู้นำจดหมายไปส่งจะต้องได้พบผู้รับการแสดงเจตนาโดยตรง
แต่หมายความว่า ผู้นำจดหมายไปส่งต้องไปส่ง
ณ ภูมิลำเนา หรือสำนักทำการงานของผู้รับการแสดงเจตนา
แม้ขณะไปถึงภูมิล่าเนาหรือสำนักทำการงานของผู้รับการแสดงเจตนาจะไม่พบผู้รับการแสดงเจตนาโดยตรง
ก็ถือว่า เป็นการส่งยังสถานที่ที่ถูกต้องแล้ว ดังนี้ การที่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าไปส่งให้จำเลยที่ ๒ ที่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ ๒ อันเป็นการส่งอย่างเป็นทางการ แม้จะไม่พบจำเลยที่
๒ และไม่มีผู้ใดรับไว้ แต่ก็ถือได้ว่าหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์ได้ไปถึงจำเลยที่ ๒ และมีผลเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว
การบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์ไปยังจำเลยที่
๒ จึงชอบด้วยกฎหมาย
ฎีกาที่ ๕๗๘๕/๒๕๓๙ โจทก์ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับถึงจำเลยตามภูมิลำเนา
เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาให้จำเลยไม่ได้ โดยรายงานเหตุขัดข้องว่า “ย้ายไม่ทราบที่อยู่ใหม่”
เกิดจากการที่จำเลยหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับหมาย
ดังนี้ การที่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำหนังสือบอกเลิกสัญญาไปส่งให้จำเลย ที่ภูมิลำเนาของจำเลยอันเป็นการส่งอย่างเป็นทางการ
แม้จะไม่พบจำเลยและไม่มีผู้ใดรับไว้
แต่ก็ถือได้ว่า หนังสือบอกเลิกสัญญาของโจทก์ได้ไปถึงจำเลย และมีผลเป็นการ บอกเลิกสัญญาตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๘๖ และมาตรา
๑๖๙ แล้ว การบอกเลิกสัญญาของโจทก์ไปยังจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย
ฎีกาที่ ๘๒๒/๒๕๓๔ โจทก์ได้รับโอนห้องพิพาทมาจากมารดาโดยจำเลยเป็นผู้เช่าอยู่ในขณะโอน
โจทก์จึงได้รับโอนไปทั้งสิทธิและ หน้าที่ตามสัญญาเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๕๖๙ วรรคสอง โจทก์มีเอกสารซึ่งเป็นหนังสือบอกเลิกการเช่ากับซองจดหมายบรรจุหนังสือมาแสดงว่าโจทก์ได้ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังจำเลย ณ ห้องพิพาทนี้แล้ว มีหมายเหตุการนำจ่ายไปรษณียภัณฑ์แจ้งเหตุขัดข้องการส่งของที่ทำการไปรษณีย์ท้องที่ว่า “ผู้รับไม่ยอมรับ”
จึงถือว่าได้มีการบอกเลิกการเช่าไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว..."
ฎีกาที่
๕๘๗๓/๒๕๖๒ โจทก์มีหนังสือส่งไปยังจำเลยที่ ๑
ตามสถานที่ที่ระบุในสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี แม้จำเลยที่ ๑ ไม่ได้รับ
แต่ซองจดหมายมีการระเหตุขัดข้องที่นำจ่ายผู้รับไม่ได้ว่าย้ายไม่ทราบที่อยู่ใหม่
โดยมีลายมือชื่อ ของพนักงานที่เกี่ยวข้องในการนำจ่ายและลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์
๒๕๕๙ กำกับไว้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑
เคยแจ้งการเปลี่ยนแปลงสถานที่ที่ระบุไว้ในสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีมาก่อน
ถือได้ว่าโจทก์ส่งหนังสือให้แก่จำเลยที่ ๑ โดยชอบแล้ว
ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี ที่กำหนดว่า “บรรดาหนังสือติดต่อ ทวงถาม
บอกกล่าวหรือหนังสืออื่น ใดที่จะส่งให้แก่ผู้กู้นั้น
ไม่ว่าจะส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนหรือไม่ลงทะเบียน หรือให้คนนำไปส่งเองก็ดี
ถ้าหากได้ส่งไปยังสถานที่ที่ระบุไว้ข้างต้นตามสัญญาฉบับนี้
ให้ถือว่าได้ส่งให้แก่ผู้กู้โดยชอบ ทั้งนี้โดยไม่คำนึงว่าจะมีผู้รับไว้หรือไม่ก็ตาม..”
สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เป็นอันเลิกกันในวันที่ ๑๑
มีนาคม ๒๕๕๙ และถือว่าจำเลยที่ ๑ ตกเป็นผู้ผิดนัดนับแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๙
เป็นต้นไป
อ้างอิง
ศนันท์กรณ์ โสตถิพันธุ์. คำอธิบายนิติกรรม-สัญญา.
พิมพ์ครั้งที่ 22. กรงเทพฯ: สำนักพิมพ์วิญญูชน, 2561.

0 Comments
แสดงความคิดเห็น