คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๙๘/๒๕๔๕
               หนังสือมอบอำนาจของผู้ร้องระบุว่า ผู้ร้องได้มอบอำนาจให้ ป. ธ. เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนผู้มอบอำนาจโดยให้มีอำนาจยื่นคำร้องขอรับรถของกลางคันหมายเลขทะเบียน บจ – ๒๘๙๐ ปัตตานี คืนในคดีอาญา หมายเลขดำที่ ๑๗๖๙/๒๕๔๒ ของศาลจังหวัดนราธิวาส อันเป็นการแสดงว่าผู้ร้องได้แต่งตั้งให้ ป. และ ธ. เป็นผู้มีอานาจกระทำการแทนผู้ร้องได้ เมื่อหนังสือมอบอำนาจของผู้ร้องดังกล่าวไม่ได้จำกัดว่าผู้รับมอบอำนาจแต่ละคนจะต้องกระทำการร่วมกันในการดำเนินการตามที่ได้รับมอบอำนาจ ดังนั้นการดำเนินการยื่นคำร้องขอคืนของกลางโดยผู้รับมอบอำนาจคนใดคนหนึ่งจึงสามารถกระทำได้ การที่ ป. ได้ลงชื่อในคำร้องขอคืนของกลางแต่เพียงผู้เดียวจึงไม่ต้องห้ามแต่ประการใด ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอคืนของกลางได้
               คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๑๗/๒๕๔๕ หนังสือมอบอำนาจระบุไว้แจ้งชัดว่า บริษัทโจทก์โดย บ. ผู้รับมอบอำนาจมอบอำนาจช่วงให้แก่ ณ. หรือ ส. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการฟ้องร้องคดีต่อจำเลยทั้งสองต่อศาลฐานผิดสัญญาเช่าซื้อ ค้ำประกัน กรณีจึงเป็นการมอบอำนาจให้ ณ.หรือ ส. คนใดคนหนึ่งฟ้องร้องดำเนินคดีต่อจำเลยทั้งสองฐานผิดสัญญาเช่าซื้อและค้ำประกันเท่านั้น กิจการที่ ณ. หรือ ส. กระทำเป็นกิจการเดียวกันคือฟ้องจำเลยทั้งสองเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หาได้กระทำแยกกันต่างคนต่างฟ้องคดีเรื่องอื่นต่อจำเลยทั้งสองหรือฟ้องบุคคลอื่นอันมากกว่าครั้งเดียวไม่ แม้ ส. จะเป็นผู้แต่งตั้งทนายความ และ ณ. เข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ก็ตาม ก็เป็นที่เห็นได้ว่ากิจการที่บุคคลทั้งสองกระทำเป็นกิจการเดียวกัน จึงเป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนกระทำการครั้งเดียว ซึ่งต้องปิดอากรแสตมป์เพียง ๑๐ บาท ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากรฯ ข้อ ๗(ก) เมื่อโจทก์ปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจ ๓๐ บาท จึงสมบูรณ์ตามประมวลรัษฎากรฯ มาตรา ๑๐๔ และบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากรฯ ข้อ ๗ (ก) แล้ว หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้ตามประมวลรัษฎากรฯ มาตรา  ๑๑๘
               คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๑๒๖/๒๕๓๗ ปัญหาว่าหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นใบมอบอำนาจตามประมวลรัษฎากรปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ จำเลยมิได้ยกประเด็นนี้ขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้นและเพิ่งจะยกขึ้นเป็นข้อโต้เถียงคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างได้ ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญ ก.ได้แต่งตั้งให้ น. และหรือ ว. เป็นผู้รับมอบอำนาจกระทำการต่าง ๆแทนห้างหุ้นส่วนได้แก่ ฟ้องร้อง ต่อสู้คดี ดำเนินคดี และดำเนินการตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญาในศาลทั้งหลายของประเทศไทยหรือองค์การใด ๆ ของรัฐบาลในประเทศไทยต่อจำเลยทั้งห้า ฟ้องร้องดำเนินคดีล้มละลายแก่ลูกหนี้ในประเทศไทยและ กระทำการอื่นตามที่ระบุไว้ในข้อ ๑ ถึง ๕ ดังนี้ เป็นการมอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียว โดยให้บุคคลหลายคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้ ค่าอากรจึงต้องคิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบอำนาจคนละ ๓๐ บาท ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ข้อ ๗ (ค) ท้ายประมวลรัษฎากร แม้โจทก์ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๕ จะลงลายมือชื่อเป็นผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าว แต่ก็เป็นการกระทำในนามของห้างหุ้นส่วนสามัญ ก.หาใช่โจทก์ทั้งสามต่างคนต่างมอบอำนาจเป็นการเฉพาะตัวไม่ เมื่อเป็นการมอบอำนาจให้ บุคคล  ๒ คน ต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้ซึ่งต้องปิดอากรแสตมป์สำหรับผู้รับมอบอำนาจคนละ ๓๐ บาท หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงต้องปิดอากรแสตมป์เพียง ๖๐ บาท เท่านั้น การปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๓ และ ๑๑๔ ก็ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่เรียกเก็บเงินอากรจนครบพร้อมเงินเพิ่มอากรเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยในชั้นสืบพยานโจทก์ได้ปิดอากรแสตมป์เพิ่มเติมอีก ๑๕๐ บาท จากที่ปิดอากรแสตมป์ไว้เดิมเพียง ๓๐ บาทซึ่งมากกว่าจำนวนที่ต้องปิดตามกฎหมาย พร้อมทั้งขีดฆ่าแสตมป์นั้นแล้วแม้จะไม่ปรากฏว่าโจทก์ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๕ ได้เสียเงินเพิ่มอากรศาลก็รับฟังหนังสือมอบอำนาจให้ดำเนินคดีเป็นพยานหลักฐานได้โจทก์ทั้งสาม จึงมีอำนาจฟ้อง