คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๒๕๖/๒๕๖๑ 
               ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวว่า ถ้าไม่มีหนังสือนำ มหาวิทยาลัยจะไม่ให้ตรวจสอบ และโจทก์ร่วมกับผู้เสียหายที่ ๒ มาตรวจสอบโดยไม่ถูกต้องแล้วยังมาเดินกร่างไปกร่างมาในมหาวิทยาลัยเป็นเพียงคำกล่าวที่ก้าวร้าว ไม่เหมาะสมซึ่งไม่สมควรพูด ยังไม่ถึงขนาดจะดูหมิ่นเหยียดหยาม แต่ถ้อยคำของจำเลยที่ว่า มาตรวจสอบโดยมีอคติ นั้น เป็นการกล่าวหาโจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ ๒ ว่าปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบเรื่องการทุจริตโครงการดังกล่าวด้วยความลำเอียง โดยปราศจากเหตุผลอันสมควรในการกล่าวถ้อยคำเช่นนั้น แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ต้องการลดคุณค่า ของโจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ ๒ อันเป็นการดูถูกเหยียดหยามหรือสบประมาทโจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ ๒ ไม่ใช่เป็นเพียงคำกล่าวที่ไม่สุภาพ และไม่สมควร การกล่าวถ้อยคำดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

เพิ่มเติม
               ฎีกาที่ ๑๐๖๗๔/๒๕๕๓ จำเลยที่ ๑ พูดต่อผู้เสียหายที่ ๒ กับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตผู้มีอำนาจหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายเกี่ยวกับสรรพสามิตว่า “พวกมึงเป็น ข้าราชการรังแกประชาชน แกล้งจับกู” ถ้อยคำดังกล่าวมิใช่เป็นเพียงค่ากล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควร แต่เป็นถ้อยคำดูถูกสบประมาทผู้เสียหายที่ ๒ กับพวก จำเลยที่ ๒ จึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตาม ป.อ. มาตรา ๑๓๖
               ฎีกาที่ ๔๓๒๗/๒๕๔๐ การกระทำอันเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖ คือ “ดูหมิ่น” ซึ่งหมายถึงการด่า ดูถูกเหยียดหยามหรือสบ ประมาทให้อับอายถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อ ข. เจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ว่า “แน่จริงถึงถอดเสื้อมาต่อยกับกูเลย” เป็นการกล่าวท้าทายให้ ข. ออกมาต่อสู้กับจำเลย เป็นเพียงคำกล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นที่พอจะให้เข้าใจว่าจาเลยมีความมุ่งหมายที่จะด่า ดูถูกเหยียดหยามหรือสบประมาทให้ ข. อับอายแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖
               ฎีกาที่ ๕๐๑/๒๕๓๗ เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลย จำเลยกล่าวกับผู้เสียหายว่า เป็นนายจับอย่างไรก็ได้และเรียกท่าเย็ดแม่ดังนี้ที่จำเลยกล่าวว่าเป็นนายจับอย่างไร ก็ได้ เป็นเพียงคำกล่าวในทำนองตัดพ้อต่อว่า ไม่ได้กล่าวหาว่า ผู้เสียหายกลั่นแกล้งจึงไม่เป็นการดูหมิ่นผู้เสียหาย
               ฎีกาที่ ๓๘๒๘/๒๕๓๑ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖, ๑๓๗, ๓๒๖, และ ๓๒๘ อันเป็นคดีที่มีโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี แม้โจทก์จะยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัด ก็ต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับตามความในมาตรา ๓ แห่งพระ ราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.๒๕๒๐ จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

ประมวลกฎหมายอาญา
               มาตรา ๑๓๖ ผู้ใดดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ