คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๑๒๔/๒๕๖๑ 
               การร้องขอให้บังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗๑ (เดิม) เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆ ของการบังคับคดี ให้ครบถ้วนภายใน ๑๐ ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ขั้นแรกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ขั้นต่อไปต้องแจ้งให้ เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีและขั้นตอนสุดท้ายเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๖ ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ โจทก์จึงต้องร้องขอให้ บังคับคดีภายในวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๖ ปรากฏว่าโจทก์ได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๗ และได้ดำเนินการยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ แล้ว แต่ได้เงินไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ ครั้นเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีได้เป็นวันสุดท้าย โจทก์ยื่นคำขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๐๘๓ และ ๖๐๘๔ ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ ๒ ถือกรรมสิทธิ์รวมแล้ว เพียงแต่มีเหตุขัดข้องเนื่องจากภาพถ่ายสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำส่งไม่ชัดเจนและปรากฎว่าผู้ถือกรรมสิทธิ์รามบางคนถึงแก่ความตาย เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขข้อขัดข้องเช่นว่านั้นเสียก่อน เช่นนี้ย่อมถือว่าโจทก์ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของการบังคับคดีครบถ้วนภายในระยะเวลาบังคับคดีตามมาตรา ๒๗๑ (เดิม) แล้ว เพียงแต่มีเหตุขัดข้อง ทำให้การดำเนินการบังคับคดีไม่แล้วเสร็จ เจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมมีอำนาจดำเนินการบังคับคดีต่อไปจนเสร็จสิ้นได้ ส่วนที่โจทก์ยื่นคำขอให้ยึดที่ดินดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ พร้อมนำส่งภาพถ่ายสิ่งปลูกสร้างและเอกสารเพิ่มเติมก็เป็นการแสดงความประสงค์ที่จะให้มีการบังคับคดียึดที่ดินที่โจทก์ขอให้ยึดไว้แล้วตามคำขอยึดทรัพย์วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๖ ต่อไปนั่นเอง หาใช่เป็นกรณียื่นคำขอให้ยึดทรัพย์ เมื่อล่วงเลยระยะเวลาบังคับคดีไม่

เพิ่มเติม
               กำหนดระยะเวลาสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา ๒๗๔ วรรคหนึ่ง หมายความถึง วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชั้นที่สุดในคดีนั้น ไม่ใช่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง (เทียบฎีกาที่ ๑๐๗๓๑/๒๕๕๘ (ประชุมใหญ่), ๔๖๗๓ กลับฎีกาที่ ๔๓๘/๒๕๓๔, ๕๓๕๙/๒๕๓๔, ๑๖๕๙/๒๕๔๔, ๕๘๗๗/๒๕๕๑, ๒๓๒๕/๒๕๕๒ ๓๑๙๓/๒๕๕๓, ๓๗๑๔-๓๗๑๗/๒๕๕๔, ๕๐๑๖/๒๕๕๕, ๘๕๖๘/๒๕๕๗)
               ขั้นตอนต่างๆ ของการบังคับคดี
               ๑.เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี
               ๒.ต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีแล้ว
               ๓.ต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
               มาตรา ๒๗๔ ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีหรือบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ชำระหนี้ (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีหรือบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ได้รับชำระหนี้ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้มีการบังคับคดีโดยวิธียึดทรัพย์สิน อายัดสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นตามบทบัญญัติแห่งภาคนี้ภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง และถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องใดไว้หรือได้ดำเนินการบังคับคดีโดยวิธีอื่นไว้บางส่วนแล้วภายใน ระยะเวลาดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นนั้นต่อไปจนแล้วเสร็จได้
               ถ้าคำพิพากษาหรือคำสั่งกำหนดให้ชำระหนี้เป็นงวด เป็นรายเดือน หรือเป็นรายปี หรือ กำหนดให้ชำระหนี้อย่างใดในอนาคต ให้นับระยะเวลาสิบปีตามวรรคหนึ่งตั้งแต่วันที่หนี้ตามคำ พิพากษาหรือคำสั่งนั้นอาจบังคับให้ชำระได้
               ถ้าสิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นการให้ชำระเงิน ส่งคืนหรือส่งมอบทรัพย์ เฉพาะสิ่ง บุคคลซึ่งได้รับโอนหรือรับช่วงสิทธิตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นมีอำนาจบังคับคดีตามความในหมวด ๒ การบังคับคดีในกรณีที่เป็นหนี้เงินหรือหมวด ๓ การบังคับคดีในกรณีที่ให้ส่งคืน หรือส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งแล้วแต่กรณี โดยการร้องขอต่อศาลเพื่อเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่อไป

อ้างอิง
สมชัย ฑีฆาอุตมากร. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์กรุงสยามพับลิชชิ่ง, ๒๕๖๑.