คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๗๕๒/๒๕๖๑ 
               คดีก่อนที่ ช. ยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองสืบเนื่องมาจากโรงงานน้ำมันพืชปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทและขณะนั้น ช. ยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการผู้ร้อง ศาลฎีกาพิพากษายกคำร้องขอ คดีนี้แม้ผู้ร้องจะเป็นบุคคลคนละคนกับ ช. ซึ่งเป็นผู้ร้องขอในคดีก่อน แต่โรงงานน้ำมันพืชที่ปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทที่ผู้ร้องอ้างใช้สิทธิครอบครองปรปักษ์เป็นโรงงานเดียวกันกับคดีก่อนที่ ช. ยื่นคำร้องขอและเป็นเหตุผลเดิม ถือได้ว่า ช. และผู้ร้องเป็นคู่ความเดียวกัน การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทของผู้คัดค้านทั้งสามอีก จึงเป็นการยื่นคำร้องขอในประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อนซึ่งถึงที่สุดไปแล้ว ผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสามต้องผูกพันตามคำพิพากษาในคดีก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ ซึ่งต้องห้ามมิให้รื้อร้องฟ้องกันอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘

เพิ่มเติม
               ฎีกาที่ ๘๓๘๓/๒๕๕๙ กรณีจะเป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๘ คู่ความทั้งสองคดีต้องเป็นคู่ความเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ ๑ ถูกจำเลยที่ ๒ คดีนี้ฟ้องเป็นจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ ๒๖๙๑/๒๕๕๖ ของศาลแพ่ง และคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์ได้มีค่าพิพากษายกฟ้องแล้ว แต่โจทก์คดีนี้มิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าว คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
               ฎีกาที่ ๑๓๘๘๘/๒๕๕๘ คดีก่อนและคดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันคือเรื่องที่จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานหลังจากที่ได้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการครบกำหนดแล้ว โดยอ้างว่าโจทก์มีความประพฤติ ความรู้และความสามารถไม่เหมาะสม เพียงแต่ค่าเสียหายที่เรียกร้องในแต่ละคดีโจทก์กล่าวเรียกชื่อต่างกัน ซึ่งค่าเสียหายดังกล่าว โจทก์สามารถเรียกร้องได้ในคดีก่อนแล้ว เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากที่คดีก่อนถึงที่สุดแล้ว การฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๘ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๒(๕), ๒๔๖, ๒๔๗
               ฎีกาที่ ๑๓๒๘๔/๒๕๕๘ คดีนี้กับคดีก่อนมีประเด็นที่ศาลต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอันเดียวกันว่า บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหรือเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทน พ. ปรากฏว่าในคดีก่อนศาลชั้นต้นวินิจฉัยและคดีถึงที่สุดแล้วว่า บ. ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทน พ. ส่วนในคดีนี้แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องอ้างว่าพบพยานหลักฐานใหม่ที่แสดงว่า บ. ไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทน พ. ก็เป็นการฟ้องที่มีประเด็นต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
               มาตรา ๑๔๘ คดีที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วห้ามมิให้คู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีก ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้
               (๑) เมื่อเป็นกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล
               (๒) เมื่อคำพิพากษาหรือคำสั่งได้กำหนดวิธีการชั่วคราวให้อยู่ภายในบังคับที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกเสียได้ตามพฤติการณ์
               (๓) เมื่อคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นให้ยกฟ้องเสียโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ ในศาลเดียวกันหรือในศาลอื่น ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยอายุความ