คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๔๒๗/๒๕๖๑ 
               จำเลยทราบมาตั้งแต่แรกแล้วว่าต้นสักพิพาทเป็นของโจทก์ร่วม หากจำเลยมีเจตนาตัดต้นสักพิพาทเพียงเพื่อต้องการนำที่ดินที่ต้นสักรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลยปลูกอ้อยจริงแล้ว จำเลยก็น่าจะตัดต้นสักและขนย้ายต้นสักพิพาทให้ออกไปจากที่ดินของจำเลยเท่านั้น แต่ภายหลังที่จำเลยตัดต้นสักพิพาทแล้ว จำเลยใช้รถยนต์ขนต้นสักแล้วนำไปไว้ที่บ้านจำเลย และไม้สักบางส่วนจำเลยนำไปแปรรูป การที่จำเลยนำไม้สักพิพาท ซึ่งจำเลยทราบมาแต่แรกว่าเป็นของโจทก์ร่วมไปแปรรูปย่อมแสดงว่า จำเลยมีเจตนาที่จะแสวงหาประโยชน์จากไม้สักพิพาทของโจทก์ร่วมแล้ว กับทั้งจำเลยเคยทำบันทึกกับโจทก์ร่วมว่าจะใช้สิทธิทางศาล แต่จำเลยก็หาได้ กระทำตามบันทึกฉบับดังกล่าวไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเอาทรัพย์ ของโจทก์ร่วมไปโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา ๓๓๔

               ตามฎีกานี้ ที่ดินของโจทก์ร่วมและจำเลยอยู่ติดกัน โจทก์ร่วมปลูกต้นสัก จำเลยปลูกอ้อย โจทก์ร่วมและจำเลยต่างขอรังวัดที่ดินปรากฏว่าโจทก์ร่วมปลูกต้นสักรุกเข้าไปในที่ดินของจำเลย ๒๙๔ ต้น เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่เศษ ต่อมา จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ร่วมรื้อถอนต้นสักออกจากที่ดินของจำเลย แต่โจทก์ร่วมเพิกเฉย
               ฎีกาที่ ๑๔๘๒๒/๒๕๕๘ สำหรับความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์นั้น แม้ขณะเกิดเหตุจะฟังได้ว่า พวกของจำเลยเป็นผู้ยกเอาเก้าอี้ของโจทก์ไปโดยความรู้เห็นของจำเลยก็ตาม แต่พวกของจำเลยนำเก้าอี้ไปตั้งวางไว้ที่บริเวณหลังร้านของโจทก์ในระยะห่างจากจุดเดิมเพียงไม่กี่เมตร โดยจำเลยต่อสู้ว่านำเก้าอี้ไปใช้นั่งพูดคุยกันซึ่งก็มีเหตุผลควรแก่การรับฟัง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยสั่งการให้ขนเคลื่อนย้ายเก้าอี้ไปไว้ในบ้านจำเลยหรือนำเก้าอี้ไปทำประโยชน์อื่นใด ดังนั้นการที่จำเลยไม่ยอมคืนเก้าอี้ให้แก่โจทก์ในตอนแรกจึงเป็นเพียงพฤติการณ์ที่เกะกะระรานสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่โจทก์มากกว่าจะเป็นการเอาเก้าอี้ไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับจำเลยหรือพวกของจำเลย คดียังมีเหตุอันควรสงสัยรับฟังไม่ได้แน่ชัดว่า จำเลยกับพวกเอาเก้าอี้ของโจทก์ไปโดยทุจริตหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๗ วรรคสอง จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ได้
               ฎีกาที่ ๔๘๕๘/๒๕๕๘ การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ป.อ.มาตรา ๓๓๔ กระทำจะต้องแย่งการครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นในลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์โดยเด็ดขาด โดยมีมูลเหตุชักจูงใจอันเป็นเจตนาพิเศษเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น

ประมวลกฎหมายอาญา
               มาตรา ๑ ในประมวลกฎหมายนี้
               (๑) โดยทุจริตหมายความว่า เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง หรือผู้อื่น
               มาตรา ๓๓๔ ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท