คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔/๒๕๖๒ 

               อาวุธมีดที่จำเลยที่ ๑ ใช้แทงโจทก์ร่วมเป็นอาวุธมีดปลายแหลม และคมมีดยาว ๔ นิ้ว และจำเลยที่ ๑ เลือกแทงโจทก์ร่วมที่ท้องซึ่งมีอวัยวะสำคัญอยู่ภายในจนลำไส้ทะลักออกมาแสดงว่าแทงอย่างแรง จำเลยที่ ๑ ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าคมมีดอาจทะลุไปถึงอวัยวะสำคัญจนเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมถึงแก่ความตายได้ แม้คมมีดจะไม่ถูกอวัยวะสำคัญภายใน ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ ๑ มีเจตนาฆ่า เมื่อจำเลยที่ ๑ ลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำของจำเลยที่ ๑ ไม่บรรลุผลเพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำการผ่าตัดและรักษาโจทก์ร่วมได้ทันท่วงที โจทก์ร่วมไม่ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น มิใช่เป็นเพียงความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น

               ก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมบุกรุกเข้าไปในบ้านของนางสาว จ. และพยายามเข้าไปห้องนอน เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมต่อนางสาว จ. มิใช่เป็นการข่มเหงต่อจำเลยที่ ๑ แม้การกระทำของ๑ ซึ่งเป็นญาติของ จ. แต่เลยที่ ๑ ไม่ใช่บุคคลใกล้ชิดอันจะก่อให้ที่จะต้องคอยปกป้องดูแลมิให้ผู้อื่นมาโจทก์ร่วมจะสร้างความไม่พอใจแก่จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นญาติของ จ. ก็เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องของจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่บุคคลใกล้ชิดอันจะก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่แก่จำเลยที่ ๑ ที่จะต้องคอยปกป้องดูแลมิให้ผู้อื่นมาทำร้าย ดังนี้ ไม่อาจถือว่าจำเลยที่ ๑ ถูกโจทก์ร่วมข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม

 

เพิ่มเติม

               ฎีกาที่ ๑๑๘๑๗/๒๕๕๖ โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ ซึ่งความผิดดังกล่าวศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ กรณีจึงไม่มีอัตราโทษจำคุกอย่างต่ำ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพศาลสามารถพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐานต่อไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๗๖ วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา ๗๒, ๒๘๘

               ฎีกาที่ ๖๗๘๘/๒๕๕๔ เหตุบันดาลโทสะอาจเกิดเพราะคำบอกเล่าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องประสบเหตุการณ์ด้วยตนเอง

 

ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๕๙ บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา

               กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้

               กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช้โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่

               การกระทำ ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย

               มาตรา ๗๒ ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้