ฟ้องชำระหนี้เงินกู้: เจ้าหนี้เลือกได้ ไม่ต้องบังคับจำนองก่อน


เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ที่มีการจำนองทรัพย์สินเป็นประกัน เจ้าหนี้มีสิทธิเลือกที่จะฟ้องร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องบังคับจำนองกับทรัพย์สินที่ค้ำประกันไว้ก่อนได้ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิในฐานะเจ้าหนี้สามัญ


สิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องหนี้


ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินทั้งหมดของลูกหนี้ได้ การจำนองเป็นเพียงสัญญาอุปกรณ์ที่ประกันหนี้ประธาน (สัญญากู้ยืม) เท่านั้น ซึ่งสามารถแยกออกจากกันได้ ดังนั้น เจ้าหนี้จึงมีทางเลือกในการบังคับชำระหนี้ได้ 2 แนวทางหลัก คือ


1.

**ฟ้องร้องอย่างหนี้สามัญ:** บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินทั่วไปของลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 214 

2.

**บังคับจำนอง:** ใช้สิทธิบุริมสิทธิ์บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองโดยเฉพาะ 

กฎหมายไม่ได้บังคับว่าเจ้าหนี้จะต้องฟ้องบังคับจำนองเพียงทางเดียว


ดังนั้น เจ้าหนี้จึงสามารถฟ้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินก่อนได้ และหากลูกหนี้ไม่ชำระตามคำพิพากษา เจ้าหนี้ก็มีสิทธิบังคับคดีกับทรัพย์สินอื่นๆ ของลูกหนี้ รวมถึงทรัพย์ที่จำนองไว้ได้


การฟ้องบังคับจำนองและผลกระทบต่อหนี้ส่วนที่ขาด


หากเจ้าหนี้เลือกที่จะฟ้องบังคับจำนอง จะต้องอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733 ซึ่งระบุว่า หากขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองแล้วได้เงินสุทธิน้อยกว่าจำนวนหนี้ที่ค้างชำระ ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดในส่วนที่ขาดนั้น


อย่างไรก็ตาม คู่สัญญาสามารถทำข้อตกลงพิเศษเพื่อยกเว้นมาตรา 733 ได้ โดยระบุในสัญญาจำนองว่า หากบังคับจำนองแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ ลูกหนี้ยังคงต้องรับผิดในส่วนที่ขาดจนครบถ้วน หากมีข้อตกลงนี้ เจ้าหนี้จะสามารถฟ้องร้องให้ยึดทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้มาชำระหนี้ในส่วนที่ขาดได้ ในทางกลับกัน หากไม่มีข้อตกลงยกเว้นดังกล่าว เมื่อเจ้าหนี้บังคับจำนองและขายทอดตลาดทรัพย์สินไปแล้ว ก็ไม่สามารถบังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ได้อีก แม้จะได้เงินไม่ครบตามจำนวนหนี้ก็ตาม


คำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจ:

  • ฎีกาที่ 2451/2567: ศาลวินิจฉัยว่าเมื่อสัญญาจำนองไม่มีข้อตกลงให้ลูกหนี้รับผิดในส่วนที่ขาด เจ้าหนี้จึงไม่สามารถมีคำขอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยนอกเหนือจากทรัพย์ที่จำนองได้

  • ฎีกาที่ 6612/2555 (ประชุมใหญ่): แม้โจทก์จะฟ้องให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ แต่หากมีคำขอท้ายฟ้องให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดด้วย ถือเป็นการฟ้องบังคับจำนอง หากสัญญาไม่มีข้อยกเว้นเรื่องหนี้ส่วนขาด โจทก์จะยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยไม่ได้ และประเด็นนี้ถือเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

กรณีผู้จำนองเป็นบุคคลภายนอก


สำหรับกรณีที่บุคคลอื่นนำทรัพย์สินของตนมาจำนองเพื่อประกันหนี้ให้ลูกหนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 727/1 (ที่แก้ไขใหม่) ได้ให้ความคุ้มครองผู้จำนอง โดยกำหนดว่าผู้จำนองไม่ต้องรับผิดเกินราคาทรัพย์สินที่จำนองในเวลาบังคับจำนอง และข้อตกลงใดๆ ที่ให้ผู้จำนองต้องรับผิดเกินกว่านี้หรือรับผิดอย่างผู้ค้ำประกันจะถือเป็นโมฆะ


อย่างไรก็ตาม บทบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 หากสัญญาจำนองหรือสัญญาค้ำประกันทำขึ้นก่อนวันที่กฎหมายแก้ไขมีผลบังคับใช้ ข้อตกลงเดิมที่ให้ผู้จำนองหรือผู้ค้ำประกันรับผิดร่วมกันอย่างลูกหนี้ร่วมยังคงมีผลใช้บังคับได้


หนี้ประธานขาดอายุความ


ในกรณีที่หนี้ประธานตามสัญญากู้ยืมเงินขาดอายุความแล้ว เจ้าหนี้จะไม่สามารถฟ้องร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ตาม สิทธิในการบังคับจำนองยังคงอยู่ เจ้าหนี้จึงยังสามารถฟ้องบังคับเอาจากทรัพย์สินที่จำนองได้ แต่จะไม่สามารถบังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ได้อีกต่อไป แม้ว่าในสัญญาจำนองจะมีข้อตกลงให้รับผิดในส่วนที่ขาดก็ตาม