ปิดฉากคดีบัญชีม้า! ศาลฎีกาชี้ รับจ้างเปิดบัญชี แม้อ้างว่า "ถูกหลอก" ก็ไม่รอด


ถือเป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับผู้ที่คิดจะรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร หรือที่เรียกกันว่า "บัญชีม้า" เพียงเพื่อหวังเงินค่าจ้างเล็กน้อย ล่าสุดศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 4920/2567 ตอกย้ำว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมาย แม้จะอ้างว่าตนเองไม่รู้เรื่องหรือถูกหลอกก็ตาม


เรื่องราวของคดี: จากผู้เสียหายสู่บัญชีม้า


คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้เสียหายรายหนึ่งถูกมิจฉาชีพหลอกลวง โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  • กลลวงของมิจฉาชีพ: คนร้ายได้ส่ง SMS ปลอมแอบอ้างเป็นธนาคาร เพื่อให้ผู้เสียหายกดลิงก์เข้าไปยังเว็บไซต์ปลอมเพื่อปรับปรุงข้อมูล.

  • การสูญเสีย: เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อและกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไป เงินในบัญชีจำนวน 200,000 บาท ก็ถูกโอนออกไปอย่างรวดเร็ว.

  • เส้นทางเงิน: เงินที่ถูกขโมยไปนั้น ถูกโอนต่อไปยังบัญชีธนาคาร 2 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีที่จำเลยในคดีนี้เป็นผู้เปิดไว้ ก่อนจะถูกโอนต่อไปยังบัญชีของเครือข่ายคนร้าย.

  • คำให้การของจำเลย: จำเลยให้การว่าได้รับการติดต่อจากบุคคลที่ชื่อ "นางสาว ค." ให้ช่วยเปิดบัญชีธนาคาร โดยจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินบัญชีละ 400 บาท จากนั้นก็ได้มอบสมุดบัญชีเงินฝากให้บุคคลดังกล่าวไป.

ประเด็นสำคัญ: ศาลฎีกาวินิจฉัยอย่างไร?


แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้อง แต่ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาได้วินิจฉัยในประเด็นสำคัญว่า การกระทำของจำเลยเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดหรือไม่ โดยมีเหตุผลดังนี้:

  • พฤติการณ์ที่ผิดวิสัย: ศาลมองว่าการที่บุคคลทั่วไปรับจ้างเปิดบัญชีแล้วมอบสมุดบัญชีให้คนอื่นไปใช้ ถือเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยอย่างยิ่ง เพราะบัญชีธนาคารเป็นเรื่องส่วนตัวที่เจ้าของบัญชีควรเก็บรักษาไว้เอง.

  • เล็งเห็นถึงความเสี่ยง: การกระทำเช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ไม่สุจริต จำเลยอยู่ในสถานะที่สามารถ "เล็งเห็นได้ว่า" บัญชีของตนอาจถูกนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมายหรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ.

  • คำกล่าวอ้างว่า "ถูกหลอก" ฟังไม่ขึ้น: จำเลยไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบโดยอ้างว่าตนเองถูกหลอกให้เปิดบัญชีได้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้อเท็จจริงยังปรากฏว่าขณะที่จำเลยไปเปิดบัญชี มีป้ายข้อความของธนาคารเตือนว่า "การรับจ้างเปิดบัญชีหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีมีโทษทางกฎหมาย" ติดไว้ในที่ที่มองเห็นได้ง่าย.

  • บทสรุปของศาล: การกระทำของจำเลยจึงเป็นการ "ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก" แก่คนร้ายในการฉ้อโกงผู้เสียหาย ดังนั้น จำเลยจึงมีความผิดในฐานะ

  • "ผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น".

บทลงโทษ แม้เป็นเยาวชนก็ไม่ละเว้น


ศาลฎีกาได้พิพากษาแก้คำตัดสินของศาลล่างทั้งสอง โดยลงโทษจำเลยดังนี้:

  • เปลี่ยนโทษจำคุก: เนื่องจากขณะกระทำความผิดจำเลยมีอายุเพียง 17 ปี ศาลจึงมีคำสั่งให้เปลี่ยนโทษจำคุก เป็นการส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อ

  • ฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เป็นเวลา 1 ถึง 2 ปี.

  • ชดใช้ค่าเสียหาย: ให้จำเลย คืนเงินหรือใช้เงินจำนวน 200,000 บาท คืนแก่ผู้เสียหาย.

คดีนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันและบทเรียนสำคัญว่า การรับจ้างเปิด "บัญชีม้า" ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และคำกล่าวอ้างว่า "ไม่รู้" หรือ "ถูกหลอก" ไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบได้ เพราะสุดท้ายแล้วนอกจากจะถูกดำเนินคดีอาญาแล้ว ยังต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดอีกด้วย