ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

               มาตรา 5 ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชำระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต

              

หมายตุ

               หลักสุจริต ตามมาตรา 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นหลักสุจริตทั่วไป มีความหมายแบบกว้างว่า หมายถึง ความซื่อสัตย์ ความถูกต้อง

               หลักสุจริตทั่วไป ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นอกจากมาตรา 5 แล้ว ยังมีแทรกอยู่ในมาตรา 6, 368

               มีหลักสุจริตอีกษณะหนึ่งคือ หลักสุจริตเฉพาะเรื่อง มีกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา 412, 413, 1299, 1300, 1303, 1310, 1311, 1312, 1329, 1330, 1331 และ 1332 มีความหมายไปในทางที่ว่า ไม่รู้ข้อเท็จจริง ไม่ได้เกี่ยวข้องรู้เห็นกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่มีส่วนรู้เห็น เป็นต้น

               ความสุจริต หมายถึงการกระทำโดยไม่รู้หรือไม่ควรรู้ถึงความบกพร่องแห่งสิทธิที่มีมาแต่อดีต (ฎีกาที่ 550/2490) แต่ถ้าการกระทำโดยรู้ถึงความบกพร่องแห่งสิทธิของตนจะถือว่าสุจริตไม่ได้ (ฎีกาที่ 1012/2504)

               การใช้สิทธิจะต้องกระทำโดยสุจริต การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตตามมาตรา 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย มีผลทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง(ฎีกาที่ 11482/2555)

               การกล่าวอ้างว่า โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีนี้โดยไม่สุจริต จำเลยจะต้องให้การโดยแจ้งชัดว่าโจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริตอย่างไร เพื่อให้เป็นประเด็นข้อพิพาทในคำให้การจึงจะนำสืบหรือยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ฎีกาเพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานในกฎหมายดังกล่าวได้(ฎีกาที่ 907/2561)

 

·        ฎีกาที่ 4928/2562 รู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นนำที่ดินไปจำนอง ถือเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต; โจทก์รู้เห็นและยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำที่ดินของตนไปจำนองกับจำเลยที่ 2 เพื่อนำเงินไปใช้ประโยชน์ร่วมกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ การที่โจทก์มาฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมจำนองเพื่อตนเองจะไม่ต้องรับผิด ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ไม่มีอำนาจฟ้อง

·        ฎีกาที่ 8727/2561 ร่วมกันทำสัญญาเช่าแสดงค่าเช่าต่ำกว่าจริงเพื่อเลี่ยงภาษี เป็นการกระทำไม่สุจริตด้วยกัน; โจทก์และจำเลยทำสัญญาเช่า 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งค่าเช่าตามจริง และอีกฉบับค่าเช่าต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อนำไปจดทะเบียนหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมและภาษี เมื่อเกิดปัญหา โจทก์จะมาฟ้องเรียกค่าเช่าตามจริงจากสัญญาที่อำพรางไว้ไม่ได้ เพราะถือว่าทั้งสองฝ่ายกระทำการโดยไม่สุจริตมาด้วยกัน

  • ฎีกาที่ 4009/2561 ลูกจ้างทำผิดแล้วชิงลาออกก่อนถูกไล่ออกเพื่อรับผลประโยชน์ เป็นการใช้สิทธิลาออกโดยไม่สุจริต; โจทก์ (ลูกจ้าง) กระทำผิดร้ายแรงต่อจำเลย (นายจ้าง) และคาดว่าจะถูกไล่ออก จึงยื่นใบลาออกล่วงหน้าเพื่อจะได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งหากถูกไล่ออกจะไม่มีสิทธิได้รับ 77ศาลเห็นว่าการลาออกดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่ตนไม่มีสิทธิจะได้ จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินดังกล่าว

·        ฎีกาที่ 8402/2560 รู้เห็นเป็นใจให้มีการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบ ถือว่าใช้สิทธิโดยไม่สุจริต; โจทก์มีส่วนรู้เห็นและสนับสนุนให้มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เมื่อต่อมาเอกสารสิทธินั้นถูกเพิกถอน โจทก์จะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานรัฐไม่ได้ เพราะเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำที่ไม่ชอบนั้นมาแต่ต้น ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

·        ฎีกาที่ 5211/2560 สละสิทธิในที่ดิน ส.ป.ก. ให้ผู้อื่นเข้าทำประโยชน์แล้ว เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต; โจทก์ได้รับสิทธิในที่ดิน ส.ป.ก. แต่ได้สละสิทธิและส่งมอบให้มารดาจำเลยและจำเลยเข้าทำประโยชน์มาโดยตลอด การที่ต่อมาโจทก์กลับมาอ้างสิทธิตามเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 เพื่อฟ้องขับไล่จำเลย ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

·        ฎีกาที่ 826/2560 ฟ้องคดีโดยอ้างการกระทำไม่สุจริตของตนเองเป็นเหตุ; โจทก์ถูกประเมินภาษีจากเงินในบัญชี จึงฟ้องคดีโดยอ้างว่าเงินดังกล่าวไม่ใช่ของตน แต่เป็นเงินที่ตนได้รับค่าตอบแทนมาเพื่อช่วยอำพรางการจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐ ศาลเห็นว่าการนำการกระทำอันไม่สุจริตของตนเองมาเป็นข้ออ้างเพื่อประโยชน์ในคดี ถือเป็นการใช้สิทธิฟ้องโดยไม่สุจริต

·        ฎีกาที่ 141/2560 รู้ว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ แต่ยังรับมาฟ้องคดี ถือว่าไม่ใช่ผู้ทรงโดยสุจริตและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต; โจทก์รู้ดีว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ที่แท้จริง แต่รับสมอ้างเป็นเจ้าหนี้และนำเช็คมาฟ้องร้องจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ ศาลพิจารณาว่าการกระทำของโจทก์เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายและไม่มีอำนาจฟ้อง

·        ฎีกาที่ 6799/2558 ฟ้องคดีใหม่โดยกลับคำให้การจากคดีเดิม ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต; ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องโดยยอมรับว่าที่ดินเป็นของจำเลย แต่ตนมีสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขาย เมื่อแพ้คดี กลับมาฟ้องคดีใหม่โดยอ้างว่าการโอนที่ดินให้จำเลยเป็นการแสดงเจตนาลวง ที่ดินยังเป็นของตน การฟ้องคดีโดยอ้างข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งกับคดีเดิมอย่างสิ้นเชิงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

 

อ้างอิง

กันย์กัญญา ใจการวงค์สกุล. กฎหมายแพ่ง หลักทั่วไป. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์วิญญูชน, 2560.

สุพิศ ปราณีตพลกรัง. หลักและทฤษฎีกฎหมายแพ่ง. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2560.