คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2568
แม้ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านพิพาทไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ดินรกร้างว่างเปล่า ตาม ป.พ.พ. 1304 (1) ซึ่งราษฎรที่เข้ายึดถือครอบครองอยู่ไม่มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย
อันเป็นทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ตามมาตรา 1305 และไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 301 (5) และจำเลยปลูกสร้างบ้านพิพาทอยู่บนที่ดินอันเป็นทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีก็ตาม
แต่จำเลยเป็นเจ้าของบ้านพิพาท
จึงย่อมมีสิทธิยึดถือและใช้สอยบ้านพิพาทสามารถยกการครอบครองใช้ยันราษฎรด้วยกันได้
มีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับบ้านพิพาทโดยมิชอบ
รวมทั้งมีสิทธิจำหน่ายบ้านพิพาทในสถานะเดียวกับเจ้าของ
เพียงแต่ไม่สามารถยกการครอบครองดังกล่าวขึ้นอ้างต่อสู้รัฐเท่านั้น ดังนั้น
บ้านพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับดี
ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดบ้านพิพาท
ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยถึงที่สุดโดยสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1.
ประเด็นเรื่องที่ดิน: ศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่า
ที่ดินที่ตั้งของบ้านพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภทที่ดินรกร้างว่างเปล่า
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (1) ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ดังนั้น
โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดที่ดินดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาดได้
2.
ประเด็นเรื่องสิ่งปลูกสร้าง
(บ้าน): แม้บ้านพิพาทจะปลูกสร้างอยู่บนที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
แต่ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเป็นเจ้าของบ้านพิพาท จึงมีสิทธิยึดถือ ใช้สอย
และจำหน่ายบ้านดังกล่าวได้ โดยสามารถยกการครอบครองขึ้นใช้ยันกับบุคคลทั่วไปได้
เพียงแต่ไม่สามารถยกขึ้นต่อสู้รัฐได้เท่านั้น ดังนั้น
บ้านพิพาทจึงถือเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
และไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดบ้านหลังดังกล่าว
0 Comments
แสดงความคิดเห็น