คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๐๔-๕๐๖/๒๕๖๑
               ข้อหาความผิดที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเฉพาะระยะเวลาการฝึกอบรม ซึ่งมิใช่โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย และต้องถือว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน ๕ ปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๖
               ข้อหาความผิดที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษาแก้ทั้งบทลงโทษ และแก้ไขระยะเวลาการฝึกอบรมเป็นการแก้ไขมาก แต่เมื่อศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ภาค ๘ ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินสองปี จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๙ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๖
               แม้ผู้เสียหายที่ ๕ ซึ่งเป็นเด็กหญิงได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายที่ ๔ ซึ่งเป็นมารดาให้ไปเล่นที่บ้านจำเลย แต่การที่จำเลยพาผู้เสียหายทั้งสามเข้าไปในห้องนอนภายในบ้านจำเลยโดยมีลักษณะบังคับมิให้ขัดขืนหลบหนี แล้วกระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๕ จนผู้เสียหายที่ ๓ ซึ่งเป็นเด็กต้องเข้าไปช่วยผู้เสียหายที่ ๕ จึงหลบหนีออกมาได้ แล้วผู้เสียหายที่ ๓ ถูกจำเลยจับมัดแล้วชำเรา ลักษณะการกระทำของจำเลยที่พาผู้เสียหายจากบริเวณที่ผู้เสียหายได้รับอนุญาตให้ไปเล่น แล้วพาเข้าห้องนอนโดยผู้เสียหายไม่อาจหลบหนีไปได้เช่นนี้จึงเป็นการพรากเด็กไปจากอำนาจของผู้ปกครองอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๗ วรรคสามแล้ว

               ตามฎีกานี้ บ้านของจำเลยและบ้านของผู้เสียหายอยู่ติดกัน ผู้เสียหายไปเล่นที่บ้านจำเลย แต่ได้รับอนุญาตให้เล่นในบริเวณที่รับแขกของบ้าน

ประมวลกฎหมายอาญา
               มาตรา ๓๑๗ ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
               ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
               ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท