คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๐๐๖/๒๕๖๑
              โจทก์อ้างว่าแนวเขตระหว่างที่ดินของโจทก์กับจำเลยที่ ๑ คือ แนวต้นยูคาลิปตัส จำเลยที่ ๑ โต้แย้งว่าแนวเขตของโจทก์กับจำเลยที่ ๑ คือหลักหมุดใหม่ เมื่อโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ยังคงโต้เถียงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทกันอยู่เช่นนี้ กรณีจึงเป็นเรื่องทางแพ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่มีมูลความผิดฐานบุกรุก
               ที่ดินอันตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ เพียงแต่ทำให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตนหรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์นั้นเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๗ จำเลยที่ ๑ ยังมีสิทธิในทางภาระจำยอมอันเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๑ เช่นเดิม เพียงแต่มาตรา ๑๓๙๐ ห้ามเจ้าของภารยทรัพย์ประกอบกรรมใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก การใช้สิทธิเหนือที่ดินส่วนที่เป็นทางภาระจำยอมในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ยังคงเป็นของจำเลยที่ ๑ แม้หากจำเลยทั้งสองก่อสร้างกำแพง โรงจอดรถยนต์ และบันไดคอนกรีต อันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกก็เป็นการกระทำลงบนที่ดินของจำเลยที่ ๑ เอง หาใช่เป็นการเข้าไปกระทำในที่ดินของโจทก์ไม่ การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่มีมูลความผิดฐานบุกรุกเช่นกัน

               ตามฎีกานี้
                              ประเด็นที่ ๑ จำเลยทั้งสองปักเสาปูน ๒๔ ต้น และล้อมรั้วลวดหนามในที่ดินพิพาท
                              ประเด็นที่ ๒ จำเลยทั้งสองก่อสร้างกำแพงคอนกรีต โครงเหล็กเป็นโรงจอดรถยนต์ และบันไดคอนกรีตบนทางภาระจำยอม

ประมวลกฎหมายอาญา
               มาตรา ๓๖๒ ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของ เขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ