ฎีกาที่ 1383/2568 เพิกถอนการฉ้อฉลมาตรา 237 "โอนที่ดินให้บุตรก่อนทำยอมฯ เจ้าหนี้เพิกถอนได้หรือไม่?"

เพิกถอนการฉ้อฉลตามมาตรา 237 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

แม้... มีการตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลให้หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อระงับสิ้นไป กลายเป็นหนี้ใหม่... แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ก็ยังเป็นลูกหนี้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งสืบเนื่องมาจากหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ... ต้องถือว่าขณะโอนที่ดินจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์

         การเพิกถอนนิติกรรมการฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ไม่มีข้อยกเว้นเรื่องให้ลูกหนี้กระทำนิติกรรมให้ตามหน้าที่ธรรมจรรยาได้ จึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าการโอนที่ดิน... เป็นการให้ตามหน้าที่ธรรมจรรยาหรือไม่

 


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2568

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง; ป.พ.พ.มาตรา 237

จำเลยที่ 1 มีภาระที่จะต้องร่วมกับ ธ. ชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์ ถือว่าจำเลยที่ 1 ตกเป็นลูกหนี้ตั้งแต่ ธ. ผิดนัดแล้ว หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 โดยเสน่หา ไม่มีค่าตอบแทน จึงเป็นนิติกรรมที่จำเลยที่ 1 กระทำลงในขณะที่มีภาระหนี้ต้องชำระแก่โจทก์ ทำให้ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ลดลงไม่พอชำระหนี้ โดยจำเลยที่ 1 ย่อมรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ แม้ต่อมาโจทก์นำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกฐานผิดสัญญาเช่าซื้อและมีการตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลให้หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อระงับสิ้นไป กลายเป็นหนี้ใหม่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ก็ยังเป็นลูกหนี้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งสืบเนื่องมาจากหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ การโอนที่ดินของจำเลยที่ 1 ก่อนทำสัญญาประนีประนอมยอมความก็ยังทำให้โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้เสียเปรียบเช่นเดิม โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการฉ้อฉลดังกล่าวได้

         การเพิกถอนนิติกรรมการฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ไม่มีข้อยกเว้นเรื่องให้ลูกหนี้กระทำนิติกรรมให้ตามหน้าที่ธรรมจรรยาได้ จึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าการโอนที่ดินให้จำเลยที่ 2 เป็นการให้ตามหน้าที่ธรรมจรรยาหรือไม่ ทั้งไม่ต้องคำนึงว่าทรัพย์ที่ถูกฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมเป็นทรัพย์สินที่ลูกหนี้นำมาวางเป็นหลักประกันแก่เจ้าหนี้หรือไม่ และถึงแม้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลผู้ได้ลาภงอกแต่การนั้นมิได้รู้ถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบ หรือไม่ทราบว่า ธ. ผิดสัญญาเช่าซื้อต่อโจทก์ หรือกระทำโดยสุจริต เพียงแต่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้เป็นผู้รู้ฝ่ายเดียว ศาลก็เพิกถอนการโอนได้

 

คำถาม: กรณีลูกหนี้โอนที่ดินให้บุตรโดยเสน่หา (ให้ฟรี) ไปก่อนที่จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับเจ้าหนี้ ซึ่งผลของสัญญาประนีประนอมยอมความทำให้หนี้เดิมระงับสิ้นไปและเกิดหนี้ใหม่ขึ้น (ตาม ป.พ.พ. มาตรา 852) เจ้าหนี้ยังมีสิทธิฟ้องขอเพิกถอนการโอนที่ดินนั้น (เพิกถอนการฉ้อฉล) ได้อยู่หรือไม่?

คำตอบ: เพิกถอนได้ เพราะจำเลยตกเป็นลูกหนี้ตั้งแต่วันผิดนัดเดิม การทำสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้เกิดหนี้ใหม่แต่ก็สืบเนื่องจากหนี้เดิม การโอนทรัพย์สินก่อนทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงถือว่าทำไปโดยรู้อยู่ว่าเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิฟ้องเพิกถอนการฉ้อฉลได้ตามกฎหมาย 

 

คำถาม: ลูกหนี้โอนที่ดินให้บุตรโดยเสน่หา แล้วถูกเจ้าหนี้ฟ้องเพิกถอนการฉ้อฉล ลูกหนี้จะอ้างว่า เป็นการให้ตามหน้าที่ธรรมจรรยาของบิดาที่มีต่อบุตร เพื่อให้พ้นความผิดได้หรือไม่?

คำตอบ: การเพิกถอนนิติกรรมการฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ไม่มีข้อยกเว้นเรื่องให้ลูกหนี้กระทำนิติกรรมให้ตามหน้าที่ธรรมจรรยาได้ จึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าการโอนที่ดินให้จำเลยที่ 2 เป็นการให้ตามหน้าที่ธรรมจรรยาหรือไม่


แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า