ฎีกาที่ 2030/2568(ประชุมใหญ่) ทำร้ายร่างกายมาตรา 295 บุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายมาตรา 365


การใช้อาวุธขวานตีศีรษะมีบาดแผลฉีกขาด แม้รักษาหายใน
5 ถึง 7 วัน เป็นการทำร้ายที่อวัยวะสำคัญอันเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายตาม ป.อ. มาตรา 295 มิใช่ลหุโทษตามมาตรา 391

การบุกรุกแล้วใช้กำลังประทุษร้าย เป็นความผิดฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายตาม ป.อ. มาตรา 365 (1) (มติที่ประชุมใหญ่) (ศาลชั้นต้นลงโทษตาม ป.อ.มาตรา 365 (1) (2) (3))

 


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2030/2568(ประชุมใหญ่)

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง; ป.อ. มาตรา 295 มาตรา 365

เมื่อจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพโดยไม่มีข้อโต้แย้งประกอบพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย และจำเลยที่ 3 ใช้อาวุธขวานที่ร่วมกันพาติดตัวมาตีศีรษะของผู้เสียหาย เป็นเหตุให้มีบาดแผลฉีกขาดขนาดยาว 1 เซนติเมตร ลึก 0.3 เซนติเมตร ใช้เวลารักษาประมาณ 5 ถึง 7 วัน ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งบาดแผลดังกล่าว พบว่าอยู่ตรงบริเวณศีรษะของผู้เสียหายและยังพบร่องรอยสะเก็ดเลือดและหยดเลือดในบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นการใช้กำลังทำร้ายและใช้อาวุธทำร้ายที่บริเวณอวัยวะสำคัญของผู้เสียหาย อันเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แล้ว มิใช่เป็นการใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 แต่อย่างใด

          โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนายนฤพน ผู้เสียหาย โดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันสมควร โดยมีอาวุธขวานติดตัวไปด้วย จากนั้นจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายด้วยการล็อกคอ จับแขนแล้วชกต่อยและใช้เท้าเตะใบหน้า ศีรษะและต้นคอของผู้เสียหายหลายครั้ง และจำเลยที่ 3 ใช้อาวุธขวานที่ร่วมกันพาติดตัวมาดังกล่าวตีศีรษะ หัวเข่าและสะโพกของผู้เสียหายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ การที่จำเลยทั้งสามบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นแล้วใช้กำลังประทุษร้าย เป็นการบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (1) ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามมาตรา 365 (1) ถูกต้องแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ประกอบมาตรา 83 แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบมาตรา 83(ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่)

 

ประเด็นโดยมติที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา

         ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท และให้ลงโทษในฐานความผิด "ร่วมกันบุกรุก (เคหสถานของผู้อื่น) ในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย และโดยมีอาวุธ (และร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป)" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 (1) (2) (3) โจทก์บรรยายฟ้องลำดับเหตุการณ์ว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านก่อน แล้วใช้คำเชื่อมว่า "จากนั้น" จำเลยทั้งสามจึงร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย การกระทำลักษณะนี้ (เข้าไปแล้วทำร้ายทันที) ถือเป็นความผิดตามมาตรา 365 (1) หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมใหญ่ลงมติว่า "เป็น" ความผิดฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (1)

 

ถาม - ตอบ ตามคำพิพากษาศาลฎีกา

คำถาม: บาดแผลเล็กน้อย รักษาหายใน 5-7 วัน ถือเป็นเพียง "ใช้กำลังทำร้ายไม่ถึงอันตรายแก่กาย" (ลหุโทษ ม.391) หรือ "ทำร้ายร่างกาย" (ม.295)?

คำตอบ: ในคดีนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย (มาตรา 295) แม้บาดแผลจะยาวเพียง 1 ซม. ลึก 0.3 ซม. และรักษาหายเร็ว (5-7 วัน) แต่ศาลดู "พฤติการณ์การกระทำ" ประกอบด้วย คือจำเลยใช้อาวุธ (ขวาน) ตีไปที่อวัยวะสำคัญ(ศีรษะ) จนเกิดบาดแผลฉีกขาดมีเลือดออก พฤติการณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับ "อันตรายแก่กาย" แล้ว ไม่ใช่เพียงแค่การใช้กำลังทำร้ายที่ไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กาย (ม.391) ตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย

 

คำถาม: การบุกรุกเข้าไปในบ้านแล้วลงมือทำร้ายทันที จะผิดฐาน "บุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย" (ม.365) หรือไม่? ในเมื่อตอนก้าวเท้าเข้าไปยังไม่ได้ทำร้าย?

คำตอบ: ผิดฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย (มาตรา 365 (1)) ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วางหลักว่า การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปแล้วใช้กำลังประทุษร้าย "ทันทีต่อเนื่องกัน" ในขณะที่การบุกรุกยังคงมีอยู่ตลอดเวลาไม่ขาดตอน ถือว่าพฤติการณ์ความร้ายแรงไม่อาจแยกออกจากกันได้ จึงครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 365 (1)

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า