คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3013/2568

ป.พ.พ. มาตรา 1562 บัญญัติว่า “ผู้ใดจะฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญามิได้...” อันเป็นบทบัญญัติตัดสิทธิห้ามมิให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดฟ้องบุพการีของตน จึงต้องตีความอย่างเคร่งครัดโดยจำกัดเฉพาะกรณีบุคคลผู้ฟ้องคดีในฐานะที่ตนเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายฟ้องบุพการีเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แม้ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่าเป็นการฟ้องจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมและผู้จัดการมรดกของ น. ผู้ตายผู้เป็นบิดาของโจทก์ แต่จำเลยเป็นมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ และโจทก์มีคำขอให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทซึ่งมีชื่อจำเลยและ น. ผู้เป็นบิดาเป็นชื่อของโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยและ น. ได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แล้ว ถ้าหาก น. ยังมีชีวิตอยู่ โจทก์ก็ไม่อาจฟ้อง น. ผู้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายให้โอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ด้วยเหตุอย่างเดียวกันนี้ได้เพราะเป็นคดีอุทลุมต้องห้ามตามมาตรา 1562 ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมและผู้จัดการมรดกของ น. ผู้ตายให้ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นชื่อของโจทก์ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ในฐานะบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายฟ้องจำเลยซึ่งเป็นบุพการีเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์เองโดยตรง ฟ้องโจทก์จึงเป็นคดีอุทลุมอันต้องห้ามตามมาตรา 1562

 

ข้อเท็จจริงในคดี; โจทก์ซึ่งเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยและ น. ผู้ตาย ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทซึ่งมีชื่อบิดามารดาเป็นเจ้าของร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2525 ภายหลังจากที่ น. ถึงแก่ความตายเมื่อปี 2558 และศาลได้ตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกในปี 2561 โจทก์ได้ขอให้จำเลยโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่ตนโดยอ้างว่าบิดามารดาได้ขายให้แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงฟ้องจำเลยในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของบิดา เพื่อบังคับให้ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นชื่อของโจทก์

 

               การปรับข้อเท็จจริงเข้ากับกฎหมาย

·        สถานะความเป็นบุพการี - ผู้สืบสันดาน: แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของบิดา ( น.) แต่จำเลยก็มีสถานะเป็นมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ด้วย

·        วัตถุประสงค์แห่งการฟ้อง: คดีนี้เป็นการฟ้องเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์โดยตรง กล่าวคือ โจทก์มีคำขอให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทมาเป็นของตนเอง

·        หลักการตีความกฎหมาย: มาตรา 1562 ที่บัญญัติห้ามฟ้องบุพการีเป็นบทตัดสิทธิ จึงต้องตีความอย่างเคร่งครัด โดยจะจำกัดเฉพาะกรณีที่บุตรฟ้องบุพการีเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

·        ศาลได้ยกเหตุผลว่า หากบิดาของโจทก์ (น.) ยังมีชีวิตอยู่ โจทก์ก็ไม่อาจฟ้องบิดาให้โอนที่ดินด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ได้ เพราะจะเป็นคดีอุทลุมที่ต้องห้ามตามมาตรา 1562

การที่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นมารดาของตน แม้จะฟ้องในฐานะผู้จัดการมรดกของบิดา ก็ถือเป็นกรณีที่บุตรฟ้องบุพการีเพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยตรง ฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีอุทลุม อันต้องห้ามตามกฎหมาย