คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๘๕/๒๕๖๕ 


                    จําเลยพยายามเดินขึ้นบันไดขนาดแคบประมาณ ๑ เมตร เบียดไปถูกตัวโจทก์ซึ่งเป็นหญิงอายุ ๖๘ ปี เสียหลักล้มกระแทกขอบบันไดและราวบันไดได้รับอันตรายแก่กาย โดยมิได้มีเจตนาจะผลักทำร้าย ถือได้ว่าจําเลยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจําเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้เนื่องจากมีโอกาสทำให้โจทก์เสียหลักล้มลง ถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กาย

                    ทางพิจารณาได้ความว่า จําเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กาย แม้จะแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องว่าจําเลยเจตนาผลักทำร้ายโจทก์ แต่เป็นเพียงรายละเอียดที่ต่างกัน ระหว่างการกระทำผิดโดยเจตนากับประมาท มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ ทั้งมิให้ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคําขอ หรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษและจําเลยมิได้หลงต่อสู้ และความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๐ มีโทษน้อยกว่าอัตราโทษตามความผิดที่โจทก์ฟ้อง ศาลย่อมลงโทษจําเลยตามความผิดที่พิจารณาได้ความได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสาม ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๔

 

เพิ่มเติม

                    ฎีกาที่ ๘๗๐/๒๕๓๖ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อันเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องแต่ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสองและวรรคสาม

 

ประมวลกฎหมายอาญา

                    มาตรา ๕๙  บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา

                    กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น

                    ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้

                    กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่

                    การกระทำ ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย