คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๗๐/๒๕๖๕ 

                    แม้การป้องกันเกินกว่ากรณีจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙ จะหมายความรวมถึงการกระทำโดยเจตนาพิเศษเพื่อป้องกันสิทธิต่อภยันตรายที่ยังอยู่ห่างไกลด้วยก็ตาม เนื่องจากไม่มีเหตุผลที่ผู้ถูกทำร้ายจะต้องเสี่ยงภัยคอยให้ผู้ทำร้ายเริ่มทำร้ายเสียก่อนจึงจะใช้สิทธิป้องกันได้ แต่กรณีเช่นว่านั้นจะต้องได้ความว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายเกิดขึ้นแล้วเพียงแต่ภัยยังไม่ใกล้จะถึงมิใช่ภัยยังไม่เกิดขึ้นเลย

                    ผู้ตายพูดขู่ว่าจะฆ่าจำเลยมาเป็นเวลา ๒ ถึง ๓ ปี แล้ว แต่ไม่เคยนำอาวุธปืนไปจ่อหรือเล็งจำเลยขณะจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ผู้ตายอยู่ในอาการมึนเมาสุราและหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย เป็นเรื่องที่จำเลยคิดเอาเองว่าหากผู้ตายตื่นขึ้นมาผู้ตายจะต้องฆ่าจำเลยกับบุตร ทั้งที่ยังไม่มีพฤติการณ์ใดที่จะส่อว่า ผู้ตายจะใช้อาวุธปืนยิงจำเลยกับบุตร ถือว่ายังไม่มีภยันตรายที่จำเลยจะต้องป้องกัน การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน

                    ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบ เรียบร้อย จำเลยจึงมีสิทธิยกขึ้นฎีกาได้ แม้เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๒๕

 

เพิ่มเติม

                    ฎีกาที่ ๗๖๕๐/๒๕๕๓ จำเลยจะไม่ยกข้อต่อสู้ว่าจำเลยกระทำโดยป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุขึ้นว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๔ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงไม่ต้องห้ามที่จำเลยจะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๒๕

 

ประมวลกฎหมายอาญา

                    มาตรา ๖๙ ในกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๖๗ และมาตรา ๖๘ นั้น ถ้าผู้กระทำได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น หรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ แต่ถ้าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากความตื่นเต้น ความตกใจ หรือความกลัว ศาลจะไม่ลงโทษผู้กระทำก็ได้