ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๒ เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๑ เดือน และศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษาแก้เป็นว่าให้ปรับจำเลย ๘,๒๕๐ บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ ๔,๑๒๕ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๑ ปี ตาม ป.อ.มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ.มาตรา ๒๙, ๓๐ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค ๘ ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนดดังกล่าว คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๒๑๙ การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและลงโทษสถานหนักจึงเท่ากับว่าเป็นการฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยและไม่รอการลงโทษ ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรลงโทษจำเลยเพียงใดจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายข้างต้น

                ตามฎีกานี้ โจทก์ซึ่งเป็นราษฎร ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๕๓๔ มาตรา ๔ โจทก์ฎีกาซึ่งไม่ปรากฏว่าโจทก์ขออนุญาตหรือรับรองให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๒๒๑ แต่อย่างใด

เพิ่มเติม
                ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี และไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษปรับไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท อีกสถานหนึ่ง และให้รอการลงโทษ แม้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษจำคุกจำเลยอันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน ๒ ปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๑๙(ฎีกาที่ ๑๕๗๓๔/๒๕๕๗)

ประมวลกฎหมายอาญา
                มาตรา ๒๑๙ ในคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนดที่ว่ามานี้ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ข้อห้ามนี้มิให้ใช้แก่จำเลยในกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย