ตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง นอกจากจำเลยทั้งสามจะต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยทั้งสามยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือบางส่วนแล้ว จำเลยทั้งสามต้องให้การโดยแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความให้ปรากฏ แต่ตามคำให้การของจำเลยทั้งสามในเรื่องอายุความ จำเลยทั้งสามมิได้แสดงให้ชัดแจ้งว่า คดีขาดอายุความในเรื่องใด อายุความมีกำหนดเท่าใด อายุความเริ่มนับแต่เมื่อใดและเพราะเหตุใด คำให้การของจำเลยทั้งสามในเรื่องอายุความจึงไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทเรื่องอายุความที่คู่ความจะต้องนำสืบ ประกอบกับในการกำหนดประเด็นข้อพิพาท ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงข้อเดียวว่า จำเลยทั้งสามผิดสัญญาซื้อขายและต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด โดยศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดความหรือไม่ไว้ด้วย และจำเลยทั้งสามก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านว่าการกำหนดประเด็นข้อพิพาทเช่นนั้นไม่ชอบไม่ถูกต้องประการใด จึงถือว่าจำเลยทั้งสามสละคำให้การของจำเลยทั้งสามในเรื่องอายุความไปแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามในเรื่องอายุความจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาทำตามสัญญา จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามชำระหนี้ค่าสินค้าให้โจทก์บางส่วนแล้ว คงค้างชำระเพียง ๖๘,๐๐๐ บาท จึงเป็นคำให้การที่ยอมรับว่าจำเลยทั้งสามมีนิติสัมพันธ์ตามฟ้องโจทก์จริง แต่จำเลยทั้งสามได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์บางส่วน คงค้างชำระเพียง ๖๘,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นการยอมรับในมูลหนี้ที่โจทก์ฟ้อง แต่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงใหม่ว่าจำเลยทั้งสามชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์แล้ว ภาระการพิสูจน์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๘๔/๑ จึงตกแก่จำเลยทั้งสามที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งสามชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์แล้ว ตามที่จำเลยทั้งสามให้การไว้ ลำพังเพียงจำเลยทั้งสามอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความลอย ๆ ว่าจำเลยทั้งสามชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยทั้งสามไม่มีเอกสารหลักฐานการชำระหนี้ให้แก่โจทก์มาแสดงต่อศาล พยานหลักฐานของจำเลยทั้งสามจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์แล้วตามที่มีภาระการพิสูจน์

เพิ่มเติม
               สิทธิเรียกร้องตามฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ จะต้องกล่าวในคำให้การในส่วนนี้ให้ชัดแจ้งว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความเรื่องใด อายุความเริ่มนับโดยโจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ได้ตั้งแต่วันใด และมีกำหนดอายุความเท่าใด จึงจะก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทในเรื่องดังกล่าว(ฎีกาที่ ๖๕๒๕/๒๕๕๙)
                    ปัญหาว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ ไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๒ (๕) แต่เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองจะต้องให้การต่อสู้คดี ทั้งคำให้การในคดีส่วนแพ่งจำเลยทั้งสองต้องแสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยทั้งสองยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วนรวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง(ฎีกาที่ ๗๑๙๑/๒๕๕๘)
               ข้อความใดที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง บังคับให้จำเลยจะต้องอ้างเหตุแห่งการปฏิเสธไว้โดยชัดแจ้ง ถ้าไม่ทราบว่ารับหรือปฏิเสธ ต้องถือว่าจำเลยไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งมีผลเท่ากับรับ ไม่เป็นประเด็นต้องวินิจฉัยอีกและไม่มีกรณีต้องรับฟังตราสารเป็นพยานหลักฐาน(ฎีกาที่ ๔๓๒๘/๒๕๕๙)

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
               มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
               มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างในการยื่นอุทธรณ์นั้นคู่ความจะต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในอุทธรณ์และต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งจะต้องเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยด้วย