คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๔๗/๒๕๖๕ 

                    การแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ถือเจตนาแสดงข้อความเท็จต่อประชาชนเป็นสำคัญ โดยเห็นได้จากการหลอกลวงและไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องกระทำการด้วยตนเองมาตั้งแต่ต้นทุกครั้ง เมื่อจำเลยแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่โจทก์ร่วมและผู้เสียหายบางคนแล้วเป็นผลให้ประชาชนรวมทั้งโจทก์ร่วมหลงเชื่อนำเงินร่วมเล่นกับจำเลย แม้มีการบอกกันเป็นทอด ๆ และเพื่อนของโจทก์ร่วมทราบข่าวก็ตาม จากนั้นจำเลยยังคงมีพฤติการณ์แสดงข้อความและภาพที่ปรากฏในเฟซบุ๊กของจำเลยเพื่อให้หลงเชื่อและเป็นผู้เปิดโอกาสให้เพื่อนของโจทก์เข้าร่วมเป็นสมาชิกในการเล่นลักษณะคล้ายแชร์ การกระทำของจำเลยเป็นการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๓ และเป็นการนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในเฟซบุ๊กของจำเลย โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม ผู้อื่นหรือประชาชน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง (๑) อีกฐานหนึ่ง

                    กลุ่มแชร์ออนไลน์ที่จำเลยตั้งขึ้นผ่านทางเฟซบุ๊กของจำเลยแต่ละวง จำเลยจะได้รับผลประโยชน์ตั้งแต่งวดแรกในฐานะสมาชิก ลำดับที่ ๑ เป็นเงินรวมที่สมาชิกทุกคนนำมาลงทุน โดยไม่ปรากฏว่า จำเลยส่งเงินรวมเข้าเป็นทุนกองกลางเป็นงวดๆ ทั้งมิได้จัดให้มีการประมูลกันเป็นงวดๆ การกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการเล่นแชร์ตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ หากแต่เป็นการกระทำลักษณะคล้ายเล่นแชร์โดยนำเงินของสมาชิกทุกคนไปหมุนเวียนจ่ายให้แก่สมาชิกแต่ละคนตามลำดับ

 

เพิ่มเติม

                    ฎีกาที่ ๕๙๖/๒๕๖๑ การชักชวนให้บุคคลทั่วไปหรืออย่างน้อยตั้งแต่สิบคนขึ้นไปมาทำการกู้ยืมเงินกันโดยการโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชน คือการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนทั่วๆไป ไม่จำกัดว่าด้วยการโฆษณาทางสื่อมวลชนหรือป่าวประกาศต่อประชาชนในสถานที่ต่างๆ จึงไม่จำเป็นที่จำเลยทั้งสองกับพวกจะต้องกระทำการดังกล่าวต่อผู้เสียหายแต่ละคนด้วยตนเองตั้งแต่ต้นทุกครั้งเป็นคราว ๆ ไป เพียงแต่จำเลยทั้งสองกับพวกแสดงข้อความหลอกลวงให้ปรากฏแก่ผู้เสียหายบางคนแล้วเป็นผลให้ประชาชนหลงเชื่อและนำเงินมาลงทุนกับจำเลยทั้งสองกับพวกก็ถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว จำเลยที่ ๒ จะอยู่ด้วยกับจำเลยที่ ๑ และ พ. หรือไม่ ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญ

 

ประมวลกฎหมายอาญา

                    มาตรา ๓๔๓ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๓๔๑ ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

                    ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา ๓๔๒ อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท