คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๔๔/๒๕๖๓

               ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยรวมทุกกระทงแล้วจำคุก ๒๘ ปี ๕๖ เดือน ตาม ป.อ. มาตรา ๙๑ (๓) แต่เมื่อโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน ๕ ปี จึงห้ามคู่ความมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง

 

เพิ่มเติม

               จำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน ๕ ปี ห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

               คำสั่งคำร้องที่ ๓๓๒/๒๔๙๓ การจะพิจารณาว่าคดีอาญาใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ หรือไม่ ต้องพิจารณาตามกำหนดโทษซึ่งศาลได้วางไว้ในแต่ละกระทงเป็นสำคัญเมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลย ๒ กระทง ซึ่งแต่ละกระทงลงโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้

              

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

               มาตรา ๒๑๘ ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี หรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่โทษจำคุกไม่เกินห้าปีห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

              

ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๙๑ เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดดังต่อไปนี้     

               (๓) ห้าสิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต