คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๓๗๖/๒๕๖๑ 
               แม้โจทก์เริ่มต้นคดีโดยฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน และฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินผืนใหญ่) อันเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ แต่จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาท เป็นของจำเลยแล้วโดยการครอบครองปรปักษ์เป็นการกล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ คดีเปลี่ยนลักษณะของคดีเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยให้การว่า ที่ดินเฉพาะส่วนที่พิพาทกันมีเนื้อที่ ๙๐.๒ ตารางวา และตามหนังสือรับรองของสำนักงานที่ดินเอกสารท้ายคำแถลงของโจทก์ทั้งสอง ที่ดินแปลงนี้มีราคาประเมินตารางวาละ ๔๐๐ บาท เฉพาะที่ดินพิพาทจึงมีราคา ๓๖,๐๘๐ บาท ดังนี้ เป็นคดีซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง

เพิ่มเติม
               ฎีกาที่ ๑๒๒๑/๒๕๖๐ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย จึงเป็นคดีเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาท เมื่อที่ดินพิพาทมีราคาประเมินตารางวาละ ๓๐๐ บาท คิดเป็นทุนทรัพย์พิพาท ๒๑,๐๐๐ บาท ทุนทรัพย์พิพาทในชั้นอุทธรณ์จึงไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยและศาลอุทธรณ์ภาค ๔ รับวินิจฉัยให้จึงไม่ชอบ

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
               มาตรา ๒๒๔  ในคดีที่ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือไม่เกินจำนวนที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เว้นแต่ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนั้นในศาลชั้นต้นได้ทำความเห็นแย้งไว้หรือได้รับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้ หรือถ้าไม่มีความเห็นแย้งหรือคำรับรองเช่นว่านี้ต้องได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือจากอธิบดีผู้พิพากษาชั้นต้นหรืออธิบดีผู้ พิพากษาภาคผู้มีอำนาจ แล้วแต่กรณี
               บทบัญญัติในวรรคหนึ่งมิได้ให้บังคับในคดีเกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคลหรือสิทธิในครอบครัวและคดี ฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เว้นแต่ในคดีฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจาก อสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาทหรือไม่เกินจำนวนที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
               การขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้ ให้ผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องถึงผู้พิพากษานั้นพร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น เมื่อศาลได้รับคำร้องเช่นว่านั้น ให้ศาลส่งคำร้อง พร้อมด้วยสำนวนความไปยังผู้พิพากษาดังกล่าวเพื่อพิจารณารับรอง