คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๗๕๑/๒๕๖๑ (ประชุมใหญ่) 
               แม้คดีที่เจ้าหนี้ยื่นฟ้องขอให้ลูกหนี้รับผิดตามสัญญาประกันวินาศภัยจะเสร็จไปโดยการจำหน่ายคดีเพราะเหตุเจ้าหนี้ขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๒ แต่การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเป็นผลจากการที่ละทิ้งหรือทอดทิ้งคดีของตน ทำนองเดียวกับคดีเสร็จไปโดยการจำหน่ายคดีเพราะเหตุที่ถอนฟ้องและทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๑๗ วรรคหนึ่ง ซึ่งให้ถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลง เจ้าหนี้ ย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากการฟ้องคดีที่จะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๒) อายุความแห่งสิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้จะเรียกให้ลูกหนี้ใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งมีกำหนดสองปีนับแต่วันวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๘๒ วรรคหนึ่ง จึงหาสะดุดหยุดลง
               แม้เจ้าหนี้จะไม่ได้รับประโยชน์จากการฟ้องคดีก่อนโดยอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลงก็ตาม แต่เมื่อคดีเสร็จไปโดยการจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ (เจ้าหนี้) ขาดนัดมิได้เสร็จไปเพราะเหตุถอนฟ้อง หรือทิ้งฟ้องโดยแท้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๑๗ วรรคหนึ่ง คำสั่งของศาลที่ให้จำหน่ายคดีเพราะเหตุโจทก์ (เจ้าหนี้) ขาดนัดพิจารณาย่อมมีผลอย่างเดียวกับคำพิพากษาของศาลที่ยกคำฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๑๗ วรรคสอง ที่บัญญัติว่า หากอายุความครบกำหนดไปแล้วในระหว่างการพิจารณา เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุดได้

เพิ่มเติม
               ฎีกาที่ ๑๐๐๙๘/๒๕๕๙ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อมาว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรับผิดค่าสินไหมทดแทน บทกฎหมายห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดสองปี นับแต่วันเกิดวินาศภัย โจทก์จึงต้องยื่นฟ้องคดีภายในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๑ คดีจึงยังไม่ขาดอายุความสองปี แต่อายุความครบกำหนดในระหว่างการส่งคำฟ้องให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาว่าเป็นคดีผู้บริโภคหรือไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีใหม่ต่อศาลชั้นต้นภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุด ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๗ วรรคสอง เมื่อศาลแพ่งอ่านคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ซึ่งถือว่าเป็นคำสั่งถึงที่สุด ตาม พ.ร.บ.วิธี พิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘ พร้อมกับคำสั่งไม่รับฟ้องให้จำหน่ายคดีในวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑ โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๑ ยังไม่เกินหกสิบวัน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความนั้นชอบแล้ว
               ฎีกาที่ ๘๔๗๑/๒๕๕๙ คดีเดิมศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ภายใต้บังคับบทบัญญัติของกฎหมายเรื่องอายุความ แม้ ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๘๐ วรรคสอง บัญญัติ ว่า การฟ้องเพิกถอนนิติกรรมตามมาตรา ๑๔๗๖ ที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งทำไปฝ่ายเดียว โดยปราศจากความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รู้เหตุอันเป็นมลให้เพิกถอน หรือเมื่อพันสิบปีนับแต่วันที่ได้ทำนิติกรรมนั้น เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีเดิมอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๔(๒) ครั้นศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องคดีเดิมโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีใหม่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๗ วรรคสอง บัญญัติให้เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องคดีใหม่เพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุด ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีเดิมให้คู่ความฟังวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาศาลฎีกาคดีเดิมถึงที่สุด จึงต้องนำ ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๗ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทเฉพาะมาใช้บังคับแก่อายุความฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ขาดอายุความ

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๑๙๓/๑๗ ในกรณีที่อายุความสะดุดหยุดลงเพราะเหตุตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๒) หากคดีนั้นได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกคำฟ้อง หรือคดีเสร็จไปโดยการจำหน่ายคดีเพราะเหตุถอนฟ้อง หรือทิ้งฟ้อง ให้ถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลง
               ในกรณีที่คดีนั้นศาลไม่รับหรือคืนหรือให้ยกคำฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล หรือศาลให้ยกคำฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ และปรากฏว่าอายุความครบกำหนดไปแล้วในระหว่างการพิจารณา หรือจะครบกำหนดภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุด ให้เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุด