คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๒๒๑/๒๕๖๒ 

               ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ (๒) การเข้ายึดถือครอบครองย่อมไม่ได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่อาจอ้างสิทธิใด ๆ ใช้ยันรัฐได้ ในระหว่างราษฎรด้วยกันย่อมยกการยึดถือครอบครองก่อนขึ้นยันผู้อื่นที่เข้ามารบกวนได้ในขณะเวลาที่ตนยังยึดถือครอบครองอยู่ โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า โจทก์นำที่ดินพิพาทตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทั้งแปลงออกให้จำเลยและสามีจำเลยเช่าทำนา ข้ออ้างของโจทก์นอกจากจะถือเป็นการกระทำที่ไม่มีสิทธิเพราะเท่ากับนำที่ดินของรัฐไปให้บุคคลอื่นเช่าโดยรัฐไม่ยินยอม ยังเป็นการยอมรับว่าได้ส่งมอบการยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยไปแล้ว โจทก์ไม่ใช่ผู้ที่ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทอีกต่อไป ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองที่ดินพิพาทได้

 

เพิ่มเติม

               ฎีกาที่ ๓๑๕๓/๒๕๓๘ แม้พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ มาตรา ๑๔ จะห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แต่ก็ใช้บังคับระหว่างรัฐกับราษฎรแต่ในระหว่างราษฎรด้วยกันผู้ที่ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนย่อมมีสิทธิที่จะไม่ถูกรบกวนโดยบุคคลอื่นและย่อมมีสิทธิขายการครอบครองให้แก่บุคคลอื่นได้ไม่เป็นนิติกรรมที่มี วัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายและเมื่อบุคคลอื่นเป็นผู้ครอบครองทำกินในที่ดินดังกล่าวอยู่จำเลยย่อมไม่มีสิทธินำการครอบครองที่ดินไปขายให้โจทก์เมื่อโจทก์เข้าครอบครองที่ดินไม่ได้จำเลยจึงต้องคืนเงินให้แก่โจทก์

              

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

               มาตรา ๑๓๐๔ สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น รวมทรัพย์สินทุกชนิดของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น

               (๑) ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่น ตามกฎหมายที่ดิน

               (๒) ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ

               (๓) ทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เป็นต้นว่า ป้อมและโรงทหาร สำนักราชการบ้านเมือง เรือรบ อาวุธยุทธภัณฑ์