คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๔๕๙/๒๕๖๒ 


               จำเลยเดินเข้ามาถึงบริเวณใต้ชายคาบ้านที่เกิดเหตุแล้วก่อเหตุตามฟ้องโดยเปิดประตูหน้าบ้านและขว้างขวดแก้วเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุอันแสดงว่าจำเลยเข้ามาในบริเวณของบ้านที่เกิดเหตุแล้ว แม้จะไม่ได้เข้าไปในบ้านโดยเดินเข้าประตูหน้าบ้านมาก็ถือว่าจำเลยเข้ามาในเคหสถานแล้ว ตามนิยามในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๔) ที่ว่า “เคหสถาน”  หมายความว่า ที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย เช่น เรือน โรง เรือ หรือแพ ซึ่งคนอยู่อาศัย และให้ความรวมถึงบริเวณของที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยนั้นด้วย จะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม จำเลยมีความผิดฐานบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้ายและมีอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๕ (๑) (๒) (เดิม) ประกอบมาตรา ๓๖๔ (เดิม)

 

เพิ่มเติม

               บุกรุกเคหสถาน

               จำเลยเข้าไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพักถือว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานแล้ว(ฎีกาที่ ๑๙๐๔/๒๕๔๖) บ้านของผู้เสียหายไม่มีรั้วล้อม บริเวณหลังบ้านอยู่ติดถนนส่วนบุคคล บริเวณรอบบ้านเป็นที่วางสิ่งของเครื่องใช้อยู่โดยรอบ ทางด้านหลังมีโอ่งน้ำและถ้วยชามวางอยู่กับมีหลังคายื่นออกมาคลุม การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปอยู่ข้างประตูหลังบ้านย่อมถือว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานแล้ว(ฎีกาที่ ๙๗๙๕/๒๕๕๒)      หลังคาบ้านเป็นเคหสถาน(ฎีกาที่ ๗๘๒๔/๒๕๕๖)

 

ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๓๖๔ ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้นเมื่อผู้มีสิทธิที่จะ ห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

               มาตรา ๓๖๕ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๓๖๒ มาตรา ๓๖๓ หรือมาตรา ๓๖๔ ได้กระทำ

               (๑) โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย

               (๒) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือ

               (๓) ในเวลากลางคืน

               ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ