ฎีกาที่ 8818/2563(ประชุมใหญ่) กลับแนวเดิม โดยให้คิดดอกเบี้ย "ราคาใช้แทน" ได้นับแต่ "วันมีคำพิพากษา"


เมื่อศาลพิพากษาว่า
"ให้คืนรถ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน" ปัญหาคือ เงินค่าราคาใช้แทนนี้ คิดดอกเบี้ยได้หรือไม่? และเริ่มคิดเมื่อใด

 


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8818/2563

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง: ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง, มาตรา 225

ที่โจทก์ขอดอกเบี้ยจากราคาใช้แทนในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า การที่ศาลวินิจฉัยให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถขุดที่เช่าซื้อคืน หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนนั้น เป็นกรณีที่หากจำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบรถขุดดังกล่าวคืนแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เพื่อราคาวัตถุอันไม่อาจส่งมอบได้เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันเกิดขึ้นระหว่างผิดนัด โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในเงินจำนวนดังกล่าวได้ตั้งแต่เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการกะประมาณราคานั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 225 แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการกะประมาณราคาอันหมายถึงเวลาที่ไม่สามารถส่งมอบรถขุดที่เช่าซื้อเกิดขึ้นเมื่อใด จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยในราคาใช้แทนนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาอันเป็นวันที่ศาลกำหนดราคาใช้แทนให้ และราคาใช้แทนนี้เป็นหนี้เงินตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของราคาใช้แทน 400,000 บาท นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 8818/2563 ตัดสินโดยใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดเดิม (อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี) เนื่องจากเป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนการแก้ไขกฎหมายปัจจุบัน (ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564): อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 ปรับลดลงเหลือ ร้อยละ 5 ต่อปี (พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564) ดังนั้น ในการนำแนวฎีกานี้ไปใช้กับคดีใหม่ ต้องใช้อัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ

 

เดิมมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10346/2559 วินิจฉัยว่า เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน เป็นการกำหนดให้จำเลยทั้งสองทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ ไม่ใช่การอันมีกำหนดพึงกระทำเพื่อชำระหนี้หลายอย่างอันจะพึงเลือกได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 198 ดังนั้น หนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยทั้งสองจะต้องกระทำก่อนจึงเป็นหนี้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน อันแสดงว่าโจทก์ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่เช่าซื้อและมีสิทธิติดตามเอาคืนเมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อยังมีอยู่ อีกทั้งโจทก์สามารถบังคับให้จำเลยทั้งสองคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อได้ กรณีไม่แน่นอนว่าหนี้ที่จะบังคับให้ใช้ราคาแทนการส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อจะมีหรือไม่ จึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดได้โดยแน่นอน ดังนั้น จึงไม่กำหนดดอกเบี้ยในส่วนของราคารถใช้แทนให้

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8818/2563 โดยมติที่ประชุมใหญ่ ได้ "กลับหลัก" แนววินิจฉัยเดิมของฎีกาที่ 10346/2559 ในประเด็นเรื่อง "ดอกเบี้ยของราคาใช้แทน" ดังกล่าวแล้ว

 

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า