คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2568
ประเด็นข้อกฎหมาย:
จำเลยซึ่งให้อาหารและที่อยู่อาศัยแก่สุนัขจรจัด
ถือเป็นเจ้าของสัตว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433
หรือไม่
และต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่สุนัขไปกัดไก่ของโจทก์หรือไม่
ข้อเท็จจริง:
- โจทก์เป็นเจ้าของฟาร์มไก่ชน
จำเลยเป็นเจ้าของสุนัข
- เมื่อวันที่ 4
ตุลาคม 2564 สุนัขของจำเลยเข้าไปกัดลูกไก่ชนของโจทก์ตาย
2 ตัว จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย 400 บาท
- เมื่อวันที่ 25
ตุลาคม 2564 สุนัขตัวเดิมเข้าไปกัดไก่ชนของโจทก์ตายอีก
9 ตัว
- จำเลยต่อสู้ว่าสุนัขเป็นสุนัขจรจัด
แต่จำเลยให้อาหารสุนัขตัวนี้และสุนัขจรจัดตัวอื่น ๆ
- จำเลยสร้างที่อยู่ให้ลูกสุนัขในที่ดินของตน
โดยใช้ตาข่ายและสังกะสีล้อมเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสุนัขออก
- จำเลยย่อมคาดหมายได้ว่าแม่สุนัขจะเข้าไปอาศัยอยู่กับลูกสุนัขในที่อยู่ที่จัดให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
760/2564
วินิจฉัยวางบรรทัดฐานว่า:
1. พฤติการณ์ที่จำเลยจัดให้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงแก่ลูกสุนัขและให้อาหารแม่สุนัขเป็นประจำ
บ่งชี้ว่าจำเลยเลี้ยงดูสุนัขแม่ลูกอ่อนอย่างเป็นเจ้าของ
2. เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของสัตว์
จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดในความเสียหายที่สัตว์ก่อขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 433
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแล้ว
หรือความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดขึ้นแม้ได้ใช้ความระมัดระวังแล้ว
3. จำเลยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรในการป้องกันไม่ให้สุนัขไปก่อความเสียหาย
จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
📌 สรุป:
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้ที่ให้อาหารและจัดที่อยู่อาศัยที่เป็นสัดส่วนให้สุนัขจรจัดและลูกสุนัข
ถือว่าเป็นเจ้าของสุนัข ดังนั้น จึงมีความรับผิดตามมาตรา 433
ที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายกรณีที่สุนัขไปกัดสัตว์เลี้ยงของผู้อื่น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว
คำพิพากษาฎีกาที่
760/2568
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง;
ป.พ.พ. มาตรา 433 ป.วิ.พ.มาตรา 84/1
จำเลยใช้สแลนหรือตาข่ายกรองแสงสีฟ้าและสังกะสีล้อมกระท่อมภายในที่ดินของจำเลยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกของสุนัขออก
เป็นการให้ที่อยู่อาศัยแก่ลูกสุนัขซึ่งจำเลยย่อมคาดหมายได้ว่าสุนัขเพศเมียต้องตามเข้าไปอาศัยอยู่กับลูกสุนัขภายในกระท่อมตามวิสัยและธรรมชาติของสุนัขแม่ลูกอ่อน
และจำเลยยังนำเศษอาหารเลี้ยงสุนัขจรจัดรวมทั้งสุนัขเพศเมียนั้นด้วย
พฤติการณ์บ่งชี้ว่าจำเลยเลี้ยงดูสุนัขเพศเมียอย่างเป็นเจ้าของ
สุนัขเพศเมียที่จำเลยเลี้ยงไว้อย่างเป็นเจ้าของเข้าไปกัดไก่ในเล้าในที่ดินของโจทก์ตาย
เป็นความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสัตว์มีภาระการพิสูจน์ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ว่าความเสียหายนั้น
ย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น
จึงจะไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์แก่โจทก์
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433
ถาม-ตอบ
กฎหมายจากฎีกา (คดีสุนัขกัดไก่)
คำถาม1:
การให้อาหาร "สุนัขจรจัด" ทำให้ผู้ให้ต้องรับผิดเป็น
"เจ้าของ" เสมอไปหรือไม่?
คำตอบ1:
การให้อาหารด้วยความเมตตาเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่ถือว่าเป็นเจ้าของ
แต่ในคดีนี้ศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลย ต้องรับผิด เพราะมีพฤติการณ์ที่มากกว่าการให้อาหาร
คือ "การจัดที่อยู่อาศัย" โดยจำเลยนำลูกสุนัขไปไว้ในกระท่อมและล้อมรั้วตาข่ายไว้เพื่อไม่ให้ออก
ซึ่งจำเลยย่อมคาดหมายได้ว่าแม่สุนัข (แม้จะเป็นสุนัขจรจัด)
จะต้องตามเข้าไปดูแลลูกตามสัญชาตญาณ พฤติกรรมนี้ศาลถือว่าเป็นการ "เลี้ยงดูอย่างเป็นเจ้าของ" แล้ว
คำถาม2:
เมื่อสัตว์ก่อความเสียหาย "ภาระการพิสูจน์"
(หน้าที่ในการนำสืบ) ตกอยู่ที่ใคร?
คำตอบ2:
ตกอยู่ที่ "จำเลย"
(เจ้าของหรือผู้รับเลี้ยง) ตาม ป.พ.พ. มาตรา 433 กฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของเป็นฝ่ายผิด ดังนั้น
จำเลยมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า
1. ตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว
หรือ
2. ความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นอยู่ดี
แม้จะใช้ความระมัดระวังแล้วก็ตาม หากจำเลยพิสูจน์ไม่ได้
ก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
คำถาม3:
จำเลยไม่ได้เขียนปฏิเสธเรื่อง "ค่าซ่อมแซมเล้าไก่"
ไว้ในคำให้การ แต่มาโต้แย้งในศาลภายหลังได้หรือไม่?
คำตอบ3:
ไม่ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง หากจำเลยไม่ให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ให้ชัดแจ้ง ถือว่าจำเลย "ยอมรับ" ข้อเท็จจริงนั้นแล้ว
ในคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าซ่อม 500 บาท
จำเลยไม่ปฏิเสธในคำให้การ
ศาลจึงถือว่าจำเลยยอมรับว่าฟาร์มเสียหายและต้องชดใช้ตามฟ้อง
คำถาม4:
จำเลยสืบพยานว่า "ไก่ที่ตายเป็นไก่บ้านธรรมดา ราคาถูก"
เพื่อขอลดค่าเสียหาย ทั้งที่ไม่ได้เขียนสู้ไว้ในคำให้การ ศาลรับฟังหรือไม่?
คำตอบ4:
ศาลไม่รับฟัง การเบิกความลอย ๆ โดยไม่มีประเด็นในคำให้การ
ถือเป็นการนำสืบพยานหลักฐาน "นอกฟ้อง
นอกประเด็น" (นอกเหนือคำให้การ)
ซึ่งกฎหมายห้ามมิให้รับฟัง จำเลยจึงต้องรับผิดตามราคาไก่ชนที่โจทก์นำสืบ
คำถาม5:
ความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ เจ้าของต้องรับผิดชดใช้
"ดอกเบี้ย" ตั้งแต่วันไหน?
คำตอบ5:
ต้องชดใช้ดอกเบี้ยนับตั้งแต่ "วันที่ทำละเมิด"
(วันที่สัตว์กัดไก่ตาย)
เพราะถือว่าเป็นวันที่ลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือน (ตาม ป.พ.พ. มาตรา 206)
แต่ในคดีนี้โจทก์ขอให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
ศาลจึงพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์
