ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายต้องยึดข้อเท็จจริงตามศาลล่าง หากอ้างข้อเท็จจริงใหม่ (เช่น จำเลยหนีได้) ถือเป็นฎีกาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
2698/2515
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง;
ป.วิ.อ. มาตรา 219
ป.อ. มาตรา 68
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อาจเป็นได้ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายกล่าวคือ
ถ้ายังโต้เถียงข้อเท็จจริงกันอยู่ไม่เป็นที่ยุติว่า
จำเลยกระทำอย่างไรบ้างที่อ้างว่ากระทำเพื่อป้องกัน ย่อมเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
แต่ถ้าข้อเท็จจริงได้ความยุติแล้วว่า จำเลยกระทำอย่างไร
และคู่ความฎีกาโต้เถียงเพียงว่า
การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้น
ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้จึงจะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 35/2515)
ถาม-ตอบ
ตามคำพิพากษาศาลฎีกา
Q: จะแยกแยะอย่างไรว่า
การอ้างเรื่อง "ป้องกันตัว" เป็นปัญหาข้อเท็จจริง หรือ ปัญหาข้อกฎหมาย
ในชั้นฎีกา?
A:
ให้ดูที่ "ฐานของข้อเท็จจริง" ที่นำมาโต้เถียง:
- เป็นปัญหาข้อเท็จจริง:
หากฎีกาโต้เถียงว่า เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ศาลล่างฟังมา
(เช่น ศาลฟังว่าจำเลยล้ม แต่ฎีกาบอกว่าจำเลยยืน
หรือศาลฟังว่าหนีไม่ได้ แต่ฎีกาบอกว่าหนีได้) แบบนี้คือเถียงข้อเท็จจริง
- เป็นปัญหาข้อกฎหมาย:
หากยอมรับข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างฟังมาทุกประการ (ยุติแล้ว) แต่โต้เถียงว่า การกระทำตามข้อเท็จจริงนั้น
เข้าข่ายนิยามคำว่า "ป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย" หรือไม่
Q: ในคดีนี้
ทำไมศาลฎีกาถึงยกฎีกาของโจทก์ร่วม?
A: เพราะโจทก์ร่วมเขียนฎีกาโดยอ้างข้อเท็จจริงใหม่ว่า "จำเลยมีโอกาสหนีได้" ซึ่งศาลอุทธรณ์ไม่ได้ฟังข้อเท็จจริงเช่นนั้น การเขียนฎีกาแบบนี้ถือเป็นการขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงใหม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามกฎหมาย (ในขณะนั้น)
%20Info.png)